หะดีษ.เล่าจาก อบูบักร เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่า ท่านนบี ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
" เมื่อใดที่ได้มา ซึ่งบางสิ่งบางอย่าง ที่เป็นความสุขหรือกำลังใจที่ได้มา จงซุญูดเพื่อขอบคุณอัลลอฮ. "
อบูดาวูด
จากหะดีษบทนี้ท่านนบีสอนพวกเราให้รู้ว่า การกตัญญูรู้คุณต่อผู้ที่ช่วยเหลือและดูแล เป็นสิ่งสำคัญของผู้ศรัทธา เริ่มที่พ่อแม่ ไปถึงครูบาอาจารย์ ท่านนบี และสุดท้ายคืออัลลอฮ.ผู้ทรงให้ชีวิต ทั้งหมดล้วนมีบุญคุณต่อผู้ศรัทธาทั้งสิ้น การขอบคุณต่อพ่อแม่ คือการเชื่อฟังและดูแลท่าน การขอบคุณครูบาอาจารย์คือการให้เกียรติและขอดุอาอ์ให้กับท่าน การขอบคุณท่านนบีคือการซอละวาตท่านบ่อยๆ และการขอบคุณต่ออัลลอฮ. คือการซุญูดต่อพระองค์ ทั้งหมดหรือการแสดงถึงความกตัญญูรู้คุณต่อผู้มีพระคุณทั้งหมด
ก็ฝากพี่น้องไว้ว่า การที่เรามีชีวิตและยังมีลมหายใจ แสดงว่าเรายังได้รับความเมตตาจากอัลลอฮ. ที่เรายังมีโอกาสได้ทำความดี อย่าลืมขอบคุณพระองค์ และการขอบคุณพระองค์ที่ดีที่สุดคือการซุญูด น่ะครับ อินชาอัลลอฮ...
..สิ่งที่กึกก้องในหัวคือคำสอน...ของครู ....สิ่งที่ถูกกำหนด ไม่มีใครหนีมันได้ ......สิ่งที่ผมจะทำให้ครู คือดุอาร์ และ เผยแพร่ความดีที่ครูทำมา. บน Blog เล็กๆ เพื่อรวบรวมความดีของท่าน ....
Wednesday, 21 November 2018
เมื่อใดที่ได้มา ซึ่งบางสิ่งบางอย่าง ที่เป็นความสุขหรือกำลังใจที่ได้มา จงซุญูดเพื่อขอบคุณอัลลอฮ
Saturday, 17 November 2018
เมื่ออัลลอฮ์ ทรงเสร็จสิ้นจากการพิพากษาระหว่าปวงบ่าว พระองค์จะทรงนำชาวนรก ที่พระองค์ทรงประสงค์ด้วยพระเมตตาแห่งพระองค์ พระองค์จะรับสั่งแก่บรรดามลาอิกะฮ์ให้นำผู้ที่ไม่นำสิ่งใดมาตั้งภาคีกับพระองค์ ออกจากนรก อันได้แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ที่กล่าวว่า
หะดีษ เล่าจาก อบูฮุรอยเราะฮ์ ว่า ท่านนบี ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
" เมื่ออัลลอฮ์ ทรงเสร็จสิ้นจากการพิพากษาระหว่าปวงบ่าว พระองค์จะทรงนำชาวนรก ที่พระองค์ทรงประสงค์ด้วยพระเมตตาแห่งพระองค์
พระองค์จะรับสั่งแก่บรรดามลาอิกะฮ์ให้นำผู้ที่ไม่นำสิ่งใดมาตั้งภาคีกับพระองค์ ออกจากนรก อันได้แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ที่กล่าวว่า "ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ์"
พวกเขาจะรู้จักชาวนรกด้วยรอยสุญูด ไฟนั้นจะเผาเรือนร่างของมนุษย์ ยกเว้นรอยสุญูด อัลลอฮ์ จะทรงห้ามไฟนรกเผาไหม้มัน "
มุสลิม
จากหะดีษบทนี้ท่านนบีสอนให้พวกเรารู้ว่า อิริยาบทที่ประเสริฐที่สุดของบ่าวผู้ศรัทธา คือการสุญูดต่ออัลลอฮ. และท่านนบีเองก็ถูกห้ามไม่ให้อ่านอัลกุรอาน แต่ให้ขอประทานพรต่อพระองค์ ดังนั้นข่วงเวลานี้จึงเป็นช่วงเวลาที่ควรขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮ.มากที่สุด และเป็นช่วงเวลาที่ใกล้ชิดพระองค์มากที่สุด และผลบุญของการสุญูดนั้น ใครที่เคยกล่าว"ลาอิลาฮะอิ้ลลัลลอฮ." แม้เขาจะถูกส่งเข้าไปชดใช้ความผิดในนรก แต่เมื่อชดใช้แล้ว มะลาอิกะห์จะนำเขาไปยังสวนสวรรค์ของ อัลลอฮ. เนื่องจากร่องรอยของการสุญูดยังคงอยู่ ไม่ถูกเผาไหม้ เพราะไฟนรกที่ร้อนแรงกว่าไฟในโลกนี้ ก็ไม่สามารถเผาไหม้ร่องรอยของการสุญูดได้นี่แหละ ที่ทำให้มะลาอิกะห์ต้องนำผู้ที่มีร่องรอยนี้ออกมาจากนรก เพื่อให้เขาได้เข้าไปในสวนสวรรค์ของพระองค์ ก็ฝากพี่น้องไว้ว่า ให้ตัวเราได้สุญูดต่ออัลลอฮ.มากๆเถิด ไม่ว่าจะดีใจ หรือเสียใจ เพราะไม่มีใครจะตอบรับคำวิงวอนของเราได้เท่ากับอัลลอฮ.อีกแล้วน่ะครับ อินชาอัลลอฮ.....
Sunday, 11 November 2018
ไม่มีซึ่งความเหนื่อยล้า ความเจ็บป่วย ความกังวล ความทุกข์ใจ ความเสียหายและความโศกเศร้าใดๆ ที่จะสร้างความทุกข์ทรมานแก่มุสลิมคนใดได้ แม้แต่การทิ่มแทงของหนาม เว้นเสียแต่ว่าอัลลอฮฺทรงลบล้างความผิดให้แก่เขาด้วยสิ่งนั้น
หะดีษ ท่านนบี ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
“ ไม่มีซึ่งความเหนื่อยล้า ความเจ็บป่วย ความกังวล ความทุกข์ใจ ความเสียหายและความโศกเศร้าใดๆ ที่จะสร้างความทุกข์ทรมานแก่มุสลิมคนใดได้ แม้แต่การทิ่มแทงของหนาม เว้นเสียแต่ว่าอัลลอฮฺทรงลบล้างความผิดให้แก่เขาด้วยสิ่งนั้น ”
บุคอรี
จากหะดีษบทนี้ท่านนบีสอนพวกเราให้รู้ว่า ผู้ศรัทธาจะน้อมรับทุกการกำหนดของอัลลอฮ. ไม่ว่ามันจะดีหรือร้าย ทั้งหมดก็ล้วนดีต่อผู้ศรัทธา ถ้าเป็นการกำหนดให้พบกับความสุขความมั่งคั่งร่ำรวยหรือประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน ก็เป็นความโปรดปรานที่พระองค์ทรงกำหนดให้กับเขา และพระองค์จะทรงดูว่าเขาขอบคุณพระองค์หรือไม่ จะแบ่งปันให้กับผู้อื่นหรือเปล่า หรือจะหลงใหลไปกับสิ่งเหล่านั้น ส่วนใครที่พบกับความทุกข์ ความเศร้าโศกเสียใจ ผิดหวัง เจ็บป่วย กังวล หรือเหนื่อยล้า ก็เป็นความเมตตาที่อัลลอฮ.ทรงกำหนดให้กับเขา พระองค์ก็จะทรงปลดเปลื้องบาปให้กับเขาไปเรื่อยๆ จนกว่าเขาจะหายหรือเป็นปกติ นี่คือความเมตตาและโปรดปรานที่พระองค์มีให้กับบ่าวผู้ศรัทธา
ก็ฝากพี่น้องไว้ ไม่ว่าเราจะต้องการให้ชีวิตเป็นอย่างไรก็ตาม มันจะเป็นได้ถ้าเป็นการกำหนดของอัลลอฮ. เท่านั้น แต่ที่ดีที่สุดสำหรับเราคือจงพอใจในสิ่งที่อัลลอฮ.ทรงกำหนดให้กับเรา ไม่ว่ามันจะดีหรือร้าย เพราะถึงอย่างไรสุดท้ายมันย่อมจะส่งผลที่ดีให้กับเราเสมอน่ะครับ อินชาอัลลอฮ...
Wednesday, 7 November 2018
สิ่งแรกที่บ่าวจะถูกสอบสวนในวันกิยามะฮฺ คือการละหมาด
หะดีษ เล่าจาก อับดุลลอฮฺ บิน กุรฏฺ ว่า ท่านนบี ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
“ สิ่งแรกที่บ่าวจะถูกสอบสวนในวันกิยามะฮฺ คือการละหมาด
หากว่าการละหมาดของเขาถูกต้องสมบูรณ์ การงานอื่นๆก็จะถูกต้องสมบูรณ์ด้วย
แต่ถ้าหากว่าการละหมาดขาดตกบกพร่อง การงานอื่นๆ ก็จะขาดตกบกพร่องไปด้วย ”
อัฏฏอบรอนี
จากหะดีษบทนี้ท่านนบีสอนพวกเราให้รู้ว่า ทุกการงานที่ดี ที่เราได้ทำไว้ ล้วนผูกโยงไว้กับการละหมาด ถ้าการละหมาดของเราดีและสมบูรณ์ การงานที่ดีที่เราทำไว้ก็จะดีตามไปด้วย แต่ถ้าเราบกพร่องในเรื่องของการละหมาด ความดีอื่นๆที่เราทำก็จะบกพร่องตามไปด้วยเช่นกัน การงานทุกอย่างที่เราตั้งใจทำอย่างดีแล้วนั้น มันจะดีหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการละหมาดของตัวเราเองทั้งสิ้น
ก็ฝากพี่น้องไว้ว่าการดำรงการละหมาด เป็นวิธีการเดียวที่จะทำให้เราพบกับความสำเร็จ และมีความปลอดภัยทั้งในโลกนี้และโลกหน้า แต่เมื่อใดที่เราละทิ้งการละหมาด เมื่อนั้นหายนะก็จะเริ่มคืบคลานมาหาเรา อย่าให้ตัวเราต้องประสบกับหายนะเลย เพราะนั่นคือความผิดพลาดอย่างร้ายแรงน่ะครับ อินชาอัลลอฮ...
โอ้ มนุษย์ผู้เป็นลูกแห่งอาดัม แท้จริงเจ้าจะไม่วอนขอและไม่หวังต่อข้า เว้นแต่ข้าจะอภัยโทษให้เจ้าต่อบาปที่อยู่กับตัวเจ้าโดยข้าจะไม่สนใจเลย(ว่ามันจะมากมายแค่ไหนก็ตาม) โอ้ มนุษย์ผู้เป็นลูกแห่งอาดัม หากบาปของเจ้ามากมายก่ายกองจนเกือบล้นฟ้า แล้วเจ้าก็วอนขออภัยต่อข้า ข้าก็จะอภัยให้โดยไม่สนใจเลย(ว่ามันจะมากมายแค่ไหน) โอ้ มนุษย์ผู้เป็นลูกแห่งอาดัม หากเจ้ามาหาข้าด้วยบาปที่เต็มเกือบเท่าพื้นปฐพี แล้วเจ้าเข้าพบข้าโดยที่ไม่มีการตั้งภาคีใดๆ กับข้า ข้าก็จะเข้าหาเจ้าด้วยการอภัยโทษที่เต็มเท่าพื้นแผ่นดินนี้เช่นเดียวกัน
หะดีษกุดซีย์ ท่านนบี ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า อัลลอฮฺได้ทรงตรัสว่า
" โอ้ มนุษย์ผู้เป็นลูกแห่งอาดัม แท้จริงเจ้าจะไม่วอนขอและไม่หวังต่อข้า เว้นแต่ข้าจะอภัยโทษให้เจ้าต่อบาปที่อยู่กับตัวเจ้าโดยข้าจะไม่สนใจเลย(ว่ามันจะมากมายแค่ไหนก็ตาม)
โอ้ มนุษย์ผู้เป็นลูกแห่งอาดัม หากบาปของเจ้ามากมายก่ายกองจนเกือบล้นฟ้า แล้วเจ้าก็วอนขออภัยต่อข้า ข้าก็จะอภัยให้โดยไม่สนใจเลย(ว่ามันจะมากมายแค่ไหน)
โอ้ มนุษย์ผู้เป็นลูกแห่งอาดัม หากเจ้ามาหาข้าด้วยบาปที่เต็มเกือบเท่าพื้นปฐพี แล้วเจ้าเข้าพบข้าโดยที่ไม่มีการตั้งภาคีใดๆ กับข้า ข้าก็จะเข้าหาเจ้าด้วยการอภัยโทษที่เต็มเท่าพื้นแผ่นดินนี้เช่นเดียวกัน "
ติรมิซี
จากหะดีษบทนี้ท่านนบีสอนให้พวกเรารู้ว่า ไม่มีใครที่ไม่เคยทำผิดพลาด แต่คนที่ผิดพลาดและกลับตัวต่างหากคือคนที่ดีที่สุด และท่านนบีได้สอนให้ผู้ศรัทธาได้ขออภัยโทษต่ออัลลอฮ.อยู่เสมอ แม้แต่ตัวท่านนบีเองก็ขออภัยโทษต่ออัลลอฮ. อย่างมากมายในแต่ล่ะวัน และการกล่าวอิสติฟาร(ขออภัยโทษ)นั้น ก็เป็นการซิเกร(รำลึกถึงอัลลอฮ.) ที่ได้ผลบุญอีกต่างหาก ส่วนความเมตตาที่อัลลอฮ.ทรงมีให้กับผู้ศรัทธานั้น พระองค์จะทรงมีให้กับพวกเขาตลอดเวลา เมื่อใดที่ผู้ศรัทธาทำผิดแล้วรีบกลับตัวขออภัยต่อพระองต์ พระองต์ก็จะทรงให้อภัยโทษเสมอ
ก็ฝากพี่น้องไว้ว่า อัลลอฮ.นั้นทรงให้ความเมตตากับพวกเราเสมอ แล้วพวกเราที่มีโอกาสทำผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะไม่ทำอะไรให้กับพระองค์บ้างเลยหรือ ขอแค่กล่าวอิสติฟาร(ขออภัยโทษ)ในแต่ล่ะวัน เท่าที่เราสามารถทำได้ เพียงเท่านี้เราก็จะได้รับการให้อภัยจากอัลลอฮ.แล้ว และยังได้ผลบุญอีกด้วยน่ะครับ อินชาอัลลอฮ....
Monday, 5 November 2018
สิ่งแรกที่บ่าวจะถูกสอบสวนในวันกิยามะฮฺ คือการละหมาด
หะดีษ เล่าจาก อับดุลลอฮฺ บิน กุรฏฺ ว่า ท่านนบี ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
“ สิ่งแรกที่บ่าวจะถูกสอบสวนในวันกิยามะฮฺ คือการละหมาด
หากว่าการละหมาดของเขาถูกต้องสมบูรณ์ การงานอื่นๆก็จะถูกต้องสมบูรณ์ด้วย
แต่ถ้าหากว่าการละหมาดขาดตกบกพร่อง การงานอื่นๆ ก็จะขาดตกบกพร่องไปด้วย ”
อัฏฏอบรอนี
จากหะดีษบทนี้ท่านนบีสอนพวกเราให้รู้ว่า ทุกการงานที่ดี ที่เราได้ทำไว้ ล้วนผูกโยงไว้กับการละหมาด ถ้าการละหมาดของเราดีและสมบูรณ์ การงานที่ดีที่เราทำไว้ก็จะดีตามไปด้วย แต่ถ้าเราบกพร่องในเรื่องของการละหมาด ความดีอื่นๆที่เราทำก็จะบกพร่องตามไปด้วยเช่นกัน การงานทุกอย่างที่เราตั้งใจทำอย่างดีแล้วนั้น มันจะดีหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการละหมาดของตัวเราเองทั้งสิ้น
ก็ฝากพี่น้องไว้ว่าการดำรงการละหมาด เป็นวิธีการเดียวที่จะทำให้เราพบกับความสำเร็จ และมีความปลอดภัยทั้งในโลกนี้และโลกหน้า แต่เมื่อใดที่เราละทิ้งการละหมาด เมื่อนั้นหายนะก็จะเริ่มคืบคลานมาหาเรา อย่าให้ตัวเราต้องประสบกับหายนะเลย เพราะนั่นคือความผิดพลาดอย่างร้ายแรงน่ะครับ อินชาอัลลอฮ...
Thursday, 1 November 2018
ผู้ใดก็ตามที่เป็นปรปักษ์กับคนรักของข้า แท้จริงข้าได้ประกาศสงครามกับเขา และไม่มีสิ่งใดที่บ่าวของข้าได้ปฏิบัติเพื่อให้ใกล้ชิดกับข้า ที่ข้าจะรักยิ่งกว่าสิ่งที่ข้าได้กำหนดเป็นศาสนบังคับ(ฟัรฎู)เหนือเขา และบ่าวของข้าจะยังคงปฏิบัติเพื่อให้ใกล้ชิดกับข้าด้วยกับสิ่งที่เป็นสุนัตต่างๆ จนกระทั่งข้ารักเขา
หะดีษ เล่าจาก อบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุ ว่า ท่านร่อซูลุ้ลลอฮฺ ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า แท้จริงอัลลอฮฺ ผู้ทรงสูงส่งได้ตรัสความว่า
" ผู้ใดก็ตามที่เป็นปรปักษ์กับคนรักของข้า แท้จริงข้าได้ประกาศสงครามกับเขา
และไม่มีสิ่งใดที่บ่าวของข้าได้ปฏิบัติเพื่อให้ใกล้ชิดกับข้า ที่ข้าจะรักยิ่งกว่าสิ่งที่ข้าได้กำหนดเป็นศาสนบังคับ(ฟัรฎู)เหนือเขา
และบ่าวของข้าจะยังคงปฏิบัติเพื่อให้ใกล้ชิดกับข้าด้วยกับสิ่งที่เป็นสุนัตต่างๆ จนกระทั่งข้ารักเขา
และเมื่อใดข้ารักเขา ข้าจะเป็นหูของเขาที่เขาใช้ฟัง เป็นดวงตาของเขาที่เขาใช้มอง เป็นมือของเขาที่เขาใช้หยิบจับ และเป็นเท้าของเขาที่เขาใช้เดิน
และหากเขาวิงวอนขอต่อข้า แน่นอนข้าจะประทานให้แก่เขา และหากเขาขอความคุ้มครองจากข้า ข้าก็ย่อมให้ความคุ้มครองแก่เขา ”
บุคอรี
จากหะดีษบทนี้ท่านนบีสอนพวกเราให้รู้ว่า ไม่มีอะไรจะยิ่งใหญ่ไปกว่าความยิ่งใหญ่จองอัลลอฮ.อีกแล้ว และพระองค์จะทรงปกป้องคุ้มครองผู้ศรัทธาที่ดำรงการประกอบศาสนกิจต่างๆทั้งภาคบังคับ(ฟัรฎู)และภาคอาสา(สุนัต) เพราะพระองค์รักพวกเขา และเมื่อใดที่พระองค์ทรงรักแล้ว พระองค์จะเป็นทุกอย่างให้กับเขาในการที่เขาจะทำการงานที่ดี และใครที่ประกาศเป็นศัตรูกับผู้ที่อัลลอฮ.ทรงรัก พระองค์ก็จะทรงประกาศสงครามกับพวกเขา และแน่นอนผู้ใดที่ถูกอัลลอฮ.ประกาศสงครามด้วย เขาจะไม่มีทางรอดไปจากการลงโทษจากพระองค์ไปได้แม้แต่คนเดียว ในอดีตก็มีตัวอย่างการลงโทษที่แสนสาหัสถึงขนาดที่พระองค์ทรงทำลายทิ้งทั้งเมืองก็ปรากฏมาแล้วหลายยุคหลายสมัย แต่ก็ยังมีผู้คนที่ปฏิเสธศรัทธาและยังกล้าละเมิดและเป็นศัตรูกับผู้ศรัทธาที่อัลลอฮ.ทรงรัก แต่สุดท้ายคนพวกนี้ก็รอเวลานับถอยหลังเพื่อจะพบกับหายนะที่แสนสาหัสจากการลงโทษของพระองค์
ก็ฝากพี่น้องไว้ว่าการที่เรามีอัลลอฮ.เพียงพระองค์เดียว ก็เพียงพอกับชีวิตของเราทั้งในโลกนี้และโลกหน้าแล้วน่ะครับ อินชาอัลลอฮ...จากคุณสามี