Saturday, 22 December 2018

กิจกรรมของผู้ศรัทธานั้นช่างประหลาดเหลือเกิน เพราะกิจกรรมของเขาทั้งหมดนั้นเป็นความดีแก่ตัวเขาทั้งสิ้น ซึ่งจะไม่เป็นเช่นนั้นแก่ผู้ใด นอกจากผู้ศรัทธาเท่านั้น ถ้าหากเขาได้รับสิ่งที่น่าปลาบปลื้มยินดี เขาก็สำนึกในความเมตตาของอัลลอฮ์ นั่นเป็นความดีสำหรับเขา และถ้าหากมีสิ่งที่ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นกับเขา เขาก็อดทน นั่นก็เป็นความดีสำหรับเขาอีกเช่นกัน

หะดีษ เล่าจาก อบียะห์ยา ศุฮัยบ์ อิบนิ สินาน เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา ว่า ท่านรอซู้ล ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
          “ กิจกรรมของผู้ศรัทธานั้นช่างประหลาดเหลือเกิน เพราะกิจกรรมของเขาทั้งหมดนั้นเป็นความดีแก่ตัวเขาทั้งสิ้น ซึ่งจะไม่เป็นเช่นนั้นแก่ผู้ใด นอกจากผู้ศรัทธาเท่านั้น ถ้าหากเขาได้รับสิ่งที่น่าปลาบปลื้มยินดี เขาก็สำนึกในความเมตตาของอัลลอฮ์ นั่นเป็นความดีสำหรับเขา
             และถ้าหากมีสิ่งที่ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นกับเขา เขาก็อดทน นั่นก็เป็นความดีสำหรับเขาอีกเช่นกัน "
มุสลิม
จากหะดีษบทนี้ท่านนบีสอนให้เรารู้ว่า ความอดทนในอิสลามเป็นกุญแจในการแก้ปัญหา ไม่ว่าบททเสอบจะหนักหน่วงรุนแรงแต่ไหน ขอแค่เรามีความอดทนเท่านั้น อัลลอฮ.ก็จะทรงช่วยเหลือให้เราผ่านพ้นมันไปได้ในที่สุด การทดสอบของ อัลลอฮ.นั้น ก็เพื่อที่พระองค์ จะทรงพิสูจญ์ว่าใครบ้างที่ศรัทธาต่อพระองค์อย่างแท้จริง และสวนสวรรค์ของพระองค์คือการตอบแทนให้กับผู้ศรัทธาที่อดทน การช่วยเหลือของอัลลอฮ.จะยังไม่เกิดขึ้น ในขณะที่เราเพิ่งเริ่มขอความช่วยเหลือจากพระองค์ แต่พระองค์จะทรงให้เราได้เจอกับบททดสอบ จนกระทั่งเรารู้สึกว่ามันหนักเกินที่จะรับไหวต่อไปอีกแล้ว เมื่อนั้นความช่วยเหลือของพระองค์ก็จะลงมาที่เรา ให้เราได้ผ่านพ้นกับบททดสอบนั้นๆไปได้ และความช่วยเหลือของอัลลอฮ.ที่ไม่ลงมาในทันทีทันใดนั้น ก็เพื่อให้ผู้ศรัทธาได้รู้ถึงคุณค่าของความอดทน ใครที่มีความอดทนเขาย่อมพบกับความสำเร็จในท้ายที่สุด และบททดสอบจะมีสองเรื่องใหญ่ เรื่องแรกคือความทุกข์ยากความลำบากความเศร้าโศกเสียใจ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้ผู้ศรัทธาอดทนและขอความช่วยเหลือจากพระองค์ และในช่วงเวลาที่เราประสบบททดสอบ อัลลอฮ.ก็ทรงลบล้างบาปของเราไปจนกว่าบททดสอบจะสิ้นสุด มันคือความเมตตาของพระองค์ที่ม่ให้กับเรา ส่วนเรื่องที่สองคือ ความสุขสบาย ความมั่งคั่ง ร่ำรวย พระองค์จะทรงดูว่าเราจะหลงใหลในสิ่งเหล่านั้น และลืมต้วคิดว่าเป็นความสามารถของตัวเองหรือเปล่า และได้ขอบคุณต่อพระองค์หรือไม่ ดังนั้นการจะผ่านบททดสอบจะต้องมีความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ ร่างกายพร้อมที่จะยอมรับกับความเจ็บป่วยทุกทรมานการทำงานหนักด้วยความอดทน และจิตใจที่พร้อมจะต่อสู้กับสิ่งเย้ายวนและความสุขสำราญ จากความมั่งคั่งมั่งมีของตัวเอง ท้ายนี้วิธิที่ผู้ศรัทธาจะสำเร็จในชีวิตคือเมื่อมีความสุขสบายมั่งคั่งร่ำรวนก็จงขอบคุณอัลลอฮ.แล้วก็แบ่งปันผู้อื่น เมื่อมีความทุกข์ก็จงขออดทนและความช่วยเหลือจากพระองค์ แล้วเราจะพบความสำเร็จทั้งในโลกนี้และโลกหน้าน่ะครับ อินชาอัลลอฮฺ

Thursday, 20 December 2018

สิ่งที่มีน้อยแต่พอเพียง ดีกว่าสิ่งที่มีมากแต่ฟุ่มเฟีอย (อีลุ่ยฉุยแฉก)

หะดีษ ท่านนบี ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
             “ สิ่งที่มีน้อยแต่พอเพียง ดีกว่าสิ่งที่มีมากแต่ฟุ่มเฟีอย (อีลุ่ยฉุยแฉก) ”
อะหมัด
จากหะดีษบทนี้ท่านนบีสอนพวกเราให้รู้ว่า ความพอใจในสิ่งที่มีคือจุดเริ่มต้นของความสุข อัลลอฮ.ทรงกำหนดปัจจัยยังชีพ(ริสกี)ให้กับทุกคนแล้ว ถ้าออกไปแสวงหาด้วยวิธีที่สุจริต ปัจจัยชีพนั้นก็มีความจำเริญ(บะร่อกัต) แม้ว่ามันจะน้อยก็ตาม แต่ถ้าออกไปแสวงหาด้วยวิธีที่ทุจริต ปัจจัยยังชีพนั้นก็ไม่มีความจำเริญ(บะร่อกัต) แม้ว่ามันจะได้มาอย่างมากมายเท่าใดก็ตาม ผู้ศรัทธาจะพอใจในสิ่งที่อัลลอฮ.ทรงกำหนดให้ เพราะมันคือความร่ำรวยในหัวใจของเขา ส่วนผู้ปฏืเสธศรัทธาจะไม่มีความพอใจในสิ่งที่มี แม้ว่ามันจะมากมายเท่าใดก็ตาม เะราะในหัวใจของเขามีแต่ความยากจน แล้วพวกเขาก็จะวุ่นวายอยู่กับการแสวงหาความมั่งคั่งร่ำรวย แต่พวกเขาจะไม่วันพบ เพราะหัวใจของพวกเขาไม่ได้ร่ำรวยนั่นเอง ก็ฝากพี่น้องไว้พอใจกับชีวิต ที่เรามีอัลลอฮ.และร่อซู้ลฯเถิด เพราะชีวิตของเราจะมีแต่ความจำเริญ(บะร่อกัต)ตลอดไปน่ะครับ อินชาอัลลอฮฺ

โอ้ศาสนทูตของอัลลอฮฺฉันควรที่จะผูกมัน(อูฐ)แล้วทำการมอบหมายต่ออัลลอฮฺ หรือว่าฉันควรที่จะปล่อยมันไว้(โดยไม่ผูก)แล้วทำการมอบหมายต่ออัลลอฮฺ

หะดีษ เล่าจาก อะนัส เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่า มีชายคนหนึ่งกล่าวกับท่านร่อซู้ล ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
ว่า
        ..โอ้ศาสนทูตของอัลลอฮฺฉันควรที่จะผูกมัน(อูฐ)แล้วทำการมอบหมายต่ออัลลอฮฺ หรือว่าฉันควรที่จะปล่อยมันไว้(โดยไม่ผูก)แล้วทำการมอบหมายต่ออัลลอฮฺ..
  ท่านนบีตอบว่า " ท่านจงผูกมันแล้วทำการมอบหมายต่ออัลลอฮฺ ”
ติรมิซี
จากหะดีษบทนี้ท่านนบีสอนพวกเราให้มอบหมายทุกการงานต่ออัลลอฮ. แต่การมอบหมายที่ถูกต้องนั้น ผู้ที่มอบหมายจะต้องทำให้สุดความสามารถของตัวเองเสียก่อน หลังจากนั้นความช่วยเหลือให้การงานสำเร็จจากพระองค์ถึงจะตามมา เฉกเช่น ผู้ที่เลี้ยงอูฐที่ไม่ต้องการให้อูฐหายไปหรือเดินไปไหนที่ไกลเกินไป ก็จะต้องผูกอูฐให้เรียบร้อยเสียก่อน แล้วถึงจะมอบหมายต่ออัลลอฮ. แล้วการงานนั้นถึงจะสำเร็จ  อัลลอฮ.จะทรงดูที่ความพยายามของเขาว่าทำเต็มที่แล้วหรือยัง ถ้าทำเต็มความสามารถแล้ว หลังจากนั้นความสำเร็จก็จะตามมา
ก็ฝากพี่น้องไว้ว่า อย่าได้กังวล อย่าได้ท้อถอย ไม่ว่าการงานมันจะยากเพียงใด ขอเพียงเราทำให้สุดความสามารถ แล้วมอบมายต่ออัลลอฮ. หลังจากนั้นไม่ว่าการงานนั้นจะสำเร็จหรือไม่ ล้วนเป็นความประสงค์ของ อัลลอฮ.ทั้งสิ้นน่ะครับ อินชาอัลลอฮฺ

Monday, 17 December 2018

ดุอาอ์ของบุคคลสามประเภทต่อไปนี้เป็นดุอาอ์ที่ถูกตอบรับ ได้แก่ ดุอาอ์ของผู้ถือศีลอด ดุอาอ์ของผู้ถูกอธรรม และดุอาอ์ของผู้เดินทาง

หะดีษ ท่านนบี ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
            “ ดุอาอ์ของบุคคลสามประเภทต่อไปนี้เป็นดุอาอ์ที่ถูกตอบรับ ได้แก่ ดุอาอ์ของผู้ถือศีลอด ดุอาอ์ของผู้ถูกอธรรม และดุอาอ์ของผู้เดินทาง ”
อัฏฏ็อบรอนี
จากหะดีษบทนี้ท่านนบีสอนพวกเราให้รู้ว่า การขอดุอาอ์เป็นการประกอบศาสนกิจ(อิบาดะห์) และเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ศรัทธาทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่อ่อนแอและผู้ที่ด้อยโอกาสที่ถูกกดขึ่ในสังคม ที่เขาไม่อาจลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมได้ตัวเขาเองได้ การขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮ.จึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่จะทำให้เขาได้รับความช่วยเหลือจากพระองค์ และดุอาอ์ที่อัลลอฮ.ไม่ทรงปฏิเสธ คือดุอาอ์ของผู้ที่ถือศีลอดเพื่อพระองค์ เพราะการถือศีลอดมันแสดงถึงความยำเกรง(ตักวา)ที่มีต่อพระองค์ และพระองค์เท่านั้นที่จะทรงให้รางวัลกับผู้ที่ถือศีลอด บุคคลต่อมาที่ดุอาอ์ของเขาจะไม่ถูกปฏิเสธคือผู้ที่ถูกอธรรม แม้ว่าในสายตาคนทั่วไปจะเห็นว่าผู้ถูกอธรรมก็ยังถูกอธรรมเหมือนเดิม แต่ที่แตกต่างโดยคนทั่วไปไม่รู้ คืออัลลอฮ.จะทรงคืนความยุติธรรม ให้กับเขาในวันพิพากษาโดยไม่ขาดไปแม้แต่น้อย บุคคลต่อมาที่อัลลอฮ.ทรงตอบรับดุอาอ์ คือผู้เดินทาง การเดินทางมักจะเป็นการเสี่ยงภัยเสมอ เพราะไม่มีใครรู้ว่า ในการเดินทางแต่ล่ะครั้งนั้น อาจะต้องประสบกับสิ่งที่ไม่คาดคิด เข่น โจรปล้น อุบัติเหตุ หรือภัยพิบัติ การขอดุอาอ์ให้อัลลอฮ.ทรงคุ้มครอง จึงเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้เดินทาง และพระองค์ก็ทรงตอบรับในดุอาอ์ของเขาเช่นกัน
ก็ฝากพี่น้องไว้ อย่าลืมขอดุอาอ์ให้กับตัวเองและครอบครัว และก็อย่าลืมขอดุอาอ์ให้พี่น้องผู้ศรัทธาด้วยกันด้วยน่ะครับ อินชาอัลลอฮฺ

Sunday, 16 December 2018

พวกท่านทั้งหลายจงอ่านอัลกุรอานเถิด เพราะแท้จริงในวันกิยามะฮ์มันจะคอยให้ความช่วยเหลือแก่มิตรสหาย(คือผู้ที่อ่านมัน)

หะดีษ ท่านนบี ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
     “ พวกท่านทั้งหลายจงอ่านอัลกุรอานเถิด เพราะแท้จริงในวันกิยามะฮ์มันจะคอยให้ความช่วยเหลือแก่มิตรสหาย(คือผู้ที่อ่านมัน) ”
มุสลิม
จากหะดีษบทนี้ท่านนบีสอนพวกเราให้รู้ว่า ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นความเศร้าโศก หรือความทุกข์ระทม เป็นบททดสอบ ที่อัลลอฮ.ทรงเมตตาให้มนุษย์ที่มีความอดทน จะฝ่าฟันผ่านพ้นไปได้ และยังเขายังจะได้รับการปลดเปลื้องบาปออกไปอีกด้วย และทุกๆความเมตตานั้นพระองค์ได้ทรงกล่าวไว้ในอัลกุรอาน การอ่านอัลกุรอานจึงเป็นการทบทวนถ้อยคำของอัลลอฮ. ที่พระองค์ได้ทรงตรัสไว้กับบ่าวของพระองค์ และทุกถ้อยคำของ อัลลอฮ. ล้วนเป็นกำลังใจที่ดีที่สุด เพราะทุกบททดสอบเกิดขึ้นจากการอนุมัติของพระองค์ และทุกทางออกที่จะก้าวข้ามบททดสอบไปได้ ก็มาจากการกำหนดของพระองค์ การอ่านอัลกุรอานจึงเท่ากับการได้รับทางนำจากอัลลอฮ.ให้ก้าวข้ามพ้นออกจากปัญหาที่เกิดขึ้น
ก็ฝากพี่น้องไว้ จงอ่านอัลกุรอานเถิด ไม่ว่าเราจะเผชิญบททดสอบอย่างไร ในอัลกุรอานมีทางออกให้กับเราเสมอ เพราะอัลกุรอานจะเป็นมิตรสหายให้กับผู้ที่อ่านเสมอ และมิตรสหายนี้จะช่วยหาทางออกให้เราในโลกนี้ และยังจะช่วยเหลือให้กับเราอีกครั้งในวันพิพากษาน่ะครับ อินชาอัลลอฮ,

ผู้ใดที่แสวงหาความรู้ซึ่งเป็นความรู้ที่ควรหาเพื่อหวังความโปรดปรานจากอัลลอฮฺ แต่เขาไม่ได้แสวงหามันนอกเสียจากเพื่อหวังผลประโยชน์ของดุนยา แน่นอนเขาจะไม่ได้ลิ้มรสกลิ่นอายของสวนสวรรค์ในวันกิยามะฮฺ

หะดีษ ท่านนบี ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
               “ ผู้ใดที่แสวงหาความรู้ซึ่งเป็นความรู้ที่ควรหาเพื่อหวังความโปรดปรานจากอัลลอฮฺ แต่เขาไม่ได้แสวงหามันนอกเสียจากเพื่อหวังผลประโยชน์ของดุนยา แน่นอนเขาจะไม่ได้ลิ้มรสกลิ่นอายของสวนสวรรค์ในวันกิยามะฮฺ ”
อบูดาวูด
จากหะดีษบทนี้ท่านนบีสอนพวกเราให้รู้ว่า การมีความบริสุทธิ์ใจในการทำงานเพื่ออัลลอฮ. เป็นเรื่องสำคัญที่สุด พระองค์จะตอบรับการงานของเราหรือไม่ก็อยู่ที่ความบริสุทธิ์ใจเพื่อพระองค์ หลายคนที่แสวงหาความรู้และทำงานเพื่อหวังประโยชน์ในเรื่องฐานะเงินทองแและตำแหน่งชื่อเสียง ซึ่งมันเป็นแค่ภาพลวงในโลกนี้เท่านั้น แต่การงานเหล่านั้นจะไม่เป็นประโยชน์กับเขาเลยในยามที่เขากลับไปหาอัลลอฮ. แม้แต่กลิ่นอายของสวนสวรรค์เขายังไม่มีโอกาสได้สัมผัส แต่ผู้คนหลายคนก็ยังพยายามทำอยู่ แทนที่เขาแค่เปลี่ยนเจตนา(เหนียต)เสียใหม่ ว่าทุกการงานทั้งหมดขอทำเพื่ออัลลอฮ. เท่านี้การช่วยเหลือของพระองค์ก็จะมาถึงเรา และการงานเหล่านั้นก็จะได้รับการตอบแทนอย่างมากมายในโลกหน้า ก็ฝากพี่น้องไว้ให้ระวังเจตนา(เหนียต)ของตัวเราเองให้ดี ว่าเราทำการงานลงไปเพื่ออะไร ใข่ทำไปเพื่ออัลลอฮ.หรือไม่ ถ้าใช่ก็ขอให้มั่นใจว่าเราจะได้รับความช่วยเหลือและการตอบแทนจากพระองค์อย่างแน่นอนน่ะครับ อินชาอัลลอฮฺ

Saturday, 15 December 2018

ถ้าหากผู้ศรัทธาได้รู้ถึงการลงโทษที่มีอยู่ ณ ที่อัลลอฮฺ ไม่มีผู้ใดที่จะคาดหวังสวนสวรรค์ของพระองค์อีก และหากผู้ปฏิเสธศรัทธาได้รู้ถึงความเมตตาที่มีอยู่ ณ ที่อัลลอฮฺ ก็จะไม่มีผู้ใดที่จะสิ้นหวังในสวนสวรรค์ของพระองค์เลย

หะดีษ เล่าจาก อบีฮุรอยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่า ท่านร่อซูลุ้ลลอฮฺ ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
        “ ถ้าหากผู้ศรัทธาได้รู้ถึงการลงโทษที่มีอยู่ ณ ที่อัลลอฮฺ ไม่มีผู้ใดที่จะคาดหวังสวนสวรรค์ของพระองค์อีก
และหากผู้ปฏิเสธศรัทธาได้รู้ถึงความเมตตาที่มีอยู่ ณ ที่อัลลอฮฺ ก็จะไม่มีผู้ใดที่จะสิ้นหวังในสวนสวรรค์ของพระองค์เลย ”
มุสลิม
จากหะดีษบทนี้ท่านนบีท่านนบีสอนพวกเราให้รู้ว่า ทั้งความเด็ดขาดในการลงโทษ และความเมตตาในการตอบแทนในวันพิพากษานั้น มนุษย์ทุกคนจะได้เห็น เมื่อผู้ศรัทธาเห็นความเด็ดขาดและหนักหน่วงในการลงโทษของอัลลอฮ.แล้ว ทุกคนจะหวาดหวั่นและวิตกกังวล ว่าตัวเองไม่อาจจะรอดพ้นไปจากการลงโทษของพระองค์ คงหมดโอกาสได้เข้าสวนสวรรค์ของพระองค์อย่างแน่นอน เพราะทุกคนล้วนเคยทำความผิดหรือทำบาปมาแล้วทั้งสิ้น แต่สุดท้ายสำหรับผู้มีความศรัทธาแม้เพียงนิดเดียวในหัวใจ แม้เขาจะเคยทำชั่ว พระองค์จะลงโทษในสิ่งที่เขาทำจนกระทั่งเขารับโทษหมดแล้ว พระองค์จะทรงให้มะลาอิกะห์นำร่างเขาที่ถูกไฟนรกเผาไปชุบในน้ำ เพื่อให้ร่างกายที่ถูกเผาไหม้กลับมาปกติเหมือนเดิม และพระองค์ทรงอนุญาตให้เขาได้เข้าสวนสวรรค์ของพระองค์
ส่วนผู้ปฏิเสธศรัทธาเขาจะได้เห็นความเมตตาและการตอบแทนที่อัลลอฮ.ทรงให้บรรดามนุษย์ได้ไปอยู่เข้าสวนสวรรค์ของพระองค์ ก็มั่นใจว่าตัวเองเคยทำความดีมามากในขณะมีชีวิต ถึงอย่างไรก็ไม่พลาดในการเข้าสวนสวรรค์นั้นอย่างแน่นอน แต่สุดท้าย สวนสวรรค์ของอัลลอฮ.ก็ที่ต้องห้ามสำหรับพวกเขา แม้ว่าพวกเขาจะทำความดีอย่างมากมายในขณะมีชีวิต แต่อัลลอฮ.ก็ทรงเมตตาและตอบแทนในความดีของพวกเขาจนหมดไปแล้วในขณะที่เขามีชีวิต จนความดีไม่เหลืออะไรอีกแล้ว และในวันพิพากษาเขาจะแบกมาแต่ความผิดและบาปของเขาอย่างเดียว โดยเฉพาะบาปที่เขาปฏิเสธการศรัทธาต่ออัลลอฮ. มันใหญ่เกินกว่าที่พระองค์จะทรงให้อภัย สุดท้ายสวนสวรรค์ที่เคยได้เห็นก็เป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับเขาตลอดกาล
ก็ฝากพี่น้องว่า ทุกคนจะต้องพบกับสภาพในวันพิพากษาอย่างแน่นอน ก็อยู่ที่การมีชีวิตอยู่ของเราในขณะนี้จะนำพาเรากลับไปหาอัลลอฮ.ในสภาพแบบใด ก็อยู่ที่ตัวเราเองแล้วน่ะครับ อินชาอัลลอฮฺ

Friday, 14 December 2018

พึงระวังความหวาดระแวงสงสัย เพราะความหวาดระแวงสงสัยคือการกล่าวเท็จที่เลวร้ายที่สุด และอย่าได้สอดแนมกัน และอย่ารับฟังการพูดคุยที่ชั่วร้ายของผู้คนเกี่ยวกับเรื่องราวของผู้อื่น (นินทา) และอย่าสร้างความเป็นศัตรูระหว่างกัน แต่จงเป็นพี่น้องกัน และไม่ควรมีการเสนอตัวต่อสตรีที่พี่น้อง (มุสลิม) ของเขาได้เข้าไปเสนอตัวแล้ว ทว่าเขาควรรอจนกว่าผู้เสนอตัวคนแรกได้แต่งงานกับนางแล้ว หรือถอดถอนการเสนอตัวต่อนาง

หะดีษ ท่านนบี ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
             “ พึงระวังความหวาดระแวงสงสัย เพราะความหวาดระแวงสงสัยคือการกล่าวเท็จที่เลวร้ายที่สุด และอย่าได้สอดแนมกัน และอย่ารับฟังการพูดคุยที่ชั่วร้ายของผู้คนเกี่ยวกับเรื่องราวของผู้อื่น (นินทา) และอย่าสร้างความเป็นศัตรูระหว่างกัน
             แต่จงเป็นพี่น้องกัน และไม่ควรมีการเสนอตัวต่อสตรีที่พี่น้อง (มุสลิม) ของเขาได้เข้าไปเสนอตัวแล้ว ทว่าเขาควรรอจนกว่าผู้เสนอตัวคนแรกได้แต่งงานกับนางแล้ว หรือถอดถอนการเสนอตัวต่อนาง ” บุคอรี
จากหะดีษบทนนี้ท่านนบีสอนดวกเราให้รู้ว่า ผู้ศรัทธาต้องมองพี่น้องในด้านที่ดีก่อนเสมอ และจะมองข้ามข้อบกพร่องผิดพลาด เพราะทุกคนล้วนมีข้อบกพร่องผิดพลาด และจะไม่คาดการณ์ คาดคะเน หวาดระแวง หรือสงสัยในตัวพี่น้องผู้ศรัทธาด้วยกัน เพราะมันอาจไม่ใช่เรื่องจริง และจะไม่กล่าวร้าย กล่าวเท็จในเรื่องของพี่น้อง เพราะมันเป็นการใส่ร้ายหรือเป็นการนินทา มันจะสร้างความเป็นศัตรูให้เกิดขึ้น และมันจะสร้างความวุ่นวาย(ฟิตนะห์)ให้เกิดขึ้นในสังคม ทั้งหมดล้วนเป็นบาปทั้งสิ้น จงเป็นพี่น้องที่รักและห่วงใยให้กันและกัน และอย่าเอาตัวเข้าไปเป็นตัวเลือกในขณะที่พี่น้องกำลังหมั่นหมายต่อกัน แต่ต้องให้พวกเขาเลิกรากันไปเสียก่อนเท่านั้น จึงจะสามารถเข้าไปเสนอตัว ก็ฝากพี่น้องไว้ว่าการคิดถึงด้านที่ดีของพี่น้องและการมองด้านที่ดีของพี่น้อง จะทำให้เรามีความรู้สึกที่ดีและสามารถสร้างสังคมที่ดีให้เกิดขึ้นได้อย่างแน่นอนน่ะครับ อินชาอัลลอฮฺ

Wednesday, 12 December 2018

อันใดที่ฉันได้ห้ามท่าน ก็จงออกห่างจากมัน และอันใดที่ฉันสั่งให้ทำก็จงปฏิบัติเท่าที่สามารถ แท้จริง บรรดาที่พินาศไปก่อนหน้าพวกท่านคือพวกที่ถามมากและพวกไม่เชื่อฟัง

หะดีษ ท่านนบี ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
        " อันใดที่ฉันได้ห้ามท่าน ก็จงออกห่างจากมัน และอันใดที่ฉันสั่งให้ทำก็จงปฏิบัติเท่าที่สามารถ แท้จริง บรรดาที่พินาศไปก่อนหน้าพวกท่านคือพวกที่ถามมากและพวกไม่เชื่อฟัง "
บุคอรี
จากหะดีษบทนี้ท่านนบีสอนพวกเราให้รู้ว่า การปฏิบัติตามสิ่งที่ท่านนบีสั่งใช้และออกห่างจากสิ่งที่ท่านนบีสั่งห้าม เป็นหนทางเดียวที่จะคุ้มครองให้ตัวเราปลอดภัยทั้งในโลกนี้และโลกหน้า แต่ส่วนใหญ่จะไม่ปฏิบัติตาม มีแต่คำพูดที่บอกว่าปฏิบัติตามเท่านั้น การเดินตามแนวทางของท่านนบีนั้น ไม่ใช่มีแต่คำพูดอย่างเดียวเท่านั้น ต้องมีการปฏิบัติตามด้วย เพราะใครๆก็สามารถพูดได้ ส่วนการปฏิบัติตามนั้นที่จะเป็นเครื่องยืนยันได้ว่าเขาเป็นผู้ที่เดินตามแนวทางของท่านนบีหรือไม่ ก็ขอให้คำพูดและการปฏิบัติของพี่น้องได้อยู่ในแนวทางของท่านนบี แล้วพี่น้องก็จะได้รับความปลอดภัยกันทุกคนน่ะครับ อินชาอัลลอฮฺ

การแสวงหาวิชาความรู้นั้นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับมุสลิมทุกคน

หะดีษ ท่านนบี ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
      “ การแสวงหาวิชาความรู้นั้นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับมุสลิมทุกคน ”
อิบนิมาญะฮ์
จากหะดีษบทนี้ท่านนบีสอนพวกเราให้รู้ว่า ความรู้เป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะความรู้ที่มาจากอัลลอฮ. พระองค์ทรงสอนมนุษย์ให้รักในการอ่าน พระองค์ทรงสอนมนุษย์ด้วยปากกา พระองค์ทรงประทานคัมภีร์ลงมา ก็เพื่อให้มนุษย์ได้นำไปใช้ให้เกิดประโยขน์ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า ความรู้ที่มาจากอัลลอฮ.จึงเป็นหน้าที่ๆผู้ศรัทธาจะต้องแสวงหา แล้วนำความรู้เหล่านั้นไปปฏิบัติจึงจะเกิดประโยชน์อย่างแท้จริง การแสวงหาความรู้แต่ไม่ปฏิบัติตามความรู้ ก็เท่ากับเขาขาดทุนทั้งในโลกนี้และโลกหน้าอีกด้วย
ก็ฝากพี่น้องไว้ว่า ภารกิจในการแสวงหาความรู้จะไม่มีวันจบสิ้น ตราบเท่าที่ผู้ศรัทธายังดำเนินชีวิตอยู่ โดยเฉพาะความรู้ที่อยู่ในคัมภีร์อัลกุรอานและในซุนนะห์ของท่านนบีน่ะครับ อินชาอัลลอฮ

Tuesday, 11 December 2018

รางวัลที่ยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับบททดสอบที่ยิ่งใหญ่ เมื่ออัลลอฮฺทรงรักมวลมนุษย์ อัลลอฮฺจะทรงทดสอบพวกเขา และผู้ใดก็ตามยอมรับมัน ย่อมได้รับความพึงพอพระทัยจากอัลลอฮฺ และผู้ใดก็ตามที่พร่ำบ่นต่อบททดสอบนั้นย่อมได้รับความโกรธกริ้วจากพระองค์

หะดีษ ท่านนบี ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
             “ รางวัลที่ยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับบททดสอบที่ยิ่งใหญ่ เมื่ออัลลอฮฺทรงรักมวลมนุษย์ อัลลอฮฺจะทรงทดสอบพวกเขา
           และผู้ใดก็ตามยอมรับมัน ย่อมได้รับความพึงพอพระทัยจากอัลลอฮฺ และผู้ใดก็ตามที่พร่ำบ่นต่อบททดสอบนั้นย่อมได้รับความโกรธกริ้วจากพระองค์ ”
ติรฺมิซี
จากหะดีษบทนี้ท่านนบีสอนให้เรารู้ว่า คำสัญญาของอัลลอฮ.เป็นจริงเสมอ บททดสอบของพระองค์มีให้กับทุกคน ใครที่อดทนจนผ่านไปได้เขาย่อมได้รับความเมตตาและโปรดปรานจากพระองค์ ส่วนใครที่เอาแต่พร่ำบ่น ตีโพยตีพาย โทษโน่นโทษนี่กับบทดสอบ เขาไม่สามารถผ่านบททดสอบไปได้ เขาจะไม่ได้รับความเมตตาและโปรดปรานจากพระองค์ และเขาจะหลงทางออกไปจากแนวทางของพระองค์
       ก็ฝากพี่น้องไว้ว่าจงอยู่กับบททดสอบด้วยความอดทนเถิด ยิ่งอดทนมาก การตอบแทนก็ยิ่งมากตามไปด้วย การอดทนในโลกนี้ก็แค่เวลาสั้นๆเท่านั้น แต่จะได้รับความสุขสบายในโลกหน้าอย่างยั่งยืนและยาวนาน น่ะครับ อินชาอัลลอฮ

Sunday, 9 December 2018

    พวกท่านทราบไหมว่า ใครคือผู้ที่ล้มละลาย?


หะดีษ เล่าจาก อบู ฮุรอยเราะฮฺ เราะฎิยั้ลลอฮู่อันฮฺ ว่า แท้จริงท่านร่อซูลุ้ลลอฮฺ ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
          " พวกท่านทราบไหมว่า ใครคือผู้ที่ล้มละลาย? "
พวกเขาตอบว่า :  ผู้ที่ล้มละลายในหมู่พวกเรา  คือ ผู้ที่เขาไม่มีดิรฮัม (เหรียญเงิน) และไม่มีทรัพย์สินใดๆ (ของดุนยา) 
ท่านร่อซูลุ้ลลอฮฺ ได้กล่าวว่า
    " แท้จริงผู้ที่ล้มละลายในอุมมัตของฉัน คือผู้ที่ในวันกิยามะฮฺเขานำมาซึ่งการละหมาดการถือศีลอด  การจ่ายซะกาต (และอิบาดะฮฺอื่นๆ) แต่ว่าเขาได้ด่าทอคนนั้น ใส่ร้ายคนนี้ กินทรัพย์สินคนนั้น ทำร้ายคนนี้ และทุบตีคนนั้น 
      ดังนั้นความดีต่าง ๆ ของเขาจะถูกนำไปให้ คนนั้นและความดีต่างๆของเขาจะถูกนำไปให้คนนี้(ตามสิทธิของแต่ละคน) หากความดีของเขาหมดลงก่อนที่จะถูกนำไปชดใช้แก่ผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิ  ดังนั้นบาปต่างๆของพวกเขา(ผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิ) จะถูกนำไปโยนใส่ให้แก่เขา(ผู้ที่ละเมิดสิทธิ) หลังจากนั้น เขาจะถูกขว้างลงสู่ขุมนรก "
มุสลิม
จากหะดีษบทนี้ท่านนบีสอนพวกเราให้รู้ว่า การนินทาใส่ร้าย หลอกลวง ฉ้อโกง ทำร้ายทั้งคำพูดและลงไม้ลงมือ ทั้งหมดนี้จะทำให้การงานที่ดี ไม่ว่าการละหมาด การถือศีลอด หรืออื่นๆต้องสูญเปล่า เพราะการงานที่ดีเหล่านั้นของเขา จะถูกนำไปมอบให้กับผู้ที่ถูกละเมิด และเมื่อใดการงานที่ดีเหล่านั้นหมดลง บาปของผู้ถูกละเมิดจะถูกโอนย้ายมาที่เขา และสุดท้ายเขาก็จะเต็มไปด้วยบาปของผู้อื่นและต้องไปชดใช้ต่อบาปเหล่านั้นในไฟนรก
ก็ฝากพี่น้องไว้ว่า อย่าให้การงานที่ดีของเราต้องสูญหายไปกับ การนินทาว่าร้าย หลอกลวง ฉ้อโกง หรือทำร้ายผู้อื่นจากคำพูดและการกระทำเลย เพราะมันไม่คุ้มค่า มีแต่จะพบกับหายนะเท่านั้น จงเป็นพี่น้องที่ดีต่อกันและกัน และไม่ละเมิดต่อกันจะดีที่สุดน่ะครับ อินชาอัลลอฮ