Wednesday, 10 July 2019

บุคคลใดที่อีหม่านต่ออัลลอฮฺ และวันอาคิเราะฮฺ ดังนั้นเขาจงพูดแต่สิ่งที่ดี หรือเขาจงนิ่งเสีย


หะดีษ เล่าจาก อบูฮุรอยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮู่อันฮฺ ว่า  ท่านร่อซูลุ้ลลอฮฺ ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
        " บุคคลใดที่อีหม่านต่ออัลลอฮฺ และวันอาคิเราะฮฺ  ดังนั้นเขาจงพูดแต่สิ่งที่ดี  หรือเขาจงนิ่งเสีย "   
บุคอรี
จากหะดีษบทนี้ท่านนบีสอนพวกเราให้รู้ว่า การพูดมีส่วนสำคัญที่สุด ในการที่จะทำให้คนๆหนึ่งได้เข้าสวรรค์หรือไม่ การสื่อสารด้วยการพูดจึงมีส่วนในการสร้างความดีหรือสร้างความชั่วให้เกิดขึ้นในสังคม ท่านนบีจึงให้ผู้ศรัทธาพูดแต่ในเรื่องที่ดีงาม ถ้าทำไม่ได้ก็ให้นิ่งเงียบ ดีที่สุดเพราะมันจะไม่สร้างความแตกแยกขึ้นในสังคม และถ้ามีแนวโน้มที่จะโต้เถียงทะเลาะกัน ก็จงออกห่างจากเหตุการณ์เหล่านั้น ด้วยการพาตัวเองออกมา ก่อนที่จะโต้เถียงทะเลาะกัน แม้ว่าเราจะเป็นฝ่ายถูกก็ตาม เพราะไม่มีประโยชน์ที่จะไปต่อล้อต่อเถียงกับคนพาลหรือผู้โง่เขลา ก็ฝากพี่น้องไว้ในเรื่องของการพูด ถ้าจะพูดก็พูดในเรื่องที่ดี หรือไม่ก็เงียบเพื่อฟัง แต่จงออกห่างจากการโต้เถียงทะเลาะกันเป็นดีที่สุดน่ะครับ อินชาอัลลอฮฺ

Sunday, 7 July 2019

ศ่อดะเกาะห์ มิทำให้ทรัพย์สินพร่องไป และอัลลอฮฺ มิทรงเพิ่มเติมให้แก่บ่าวคนหนึ่งซึ่งคุณลักษณะแห่งการเป็นผู้ให้อภัย เว้นแต่เกียรติของเขาจะเพิ่มขึ้นด้วย              และบ่าวไม่มีบ่าวคนใดที่ถ่อมตนเพื่ออัลลอฮฺ เว้นแต่อัลลอฮฺ อัซซะวะญัล จะทรงยกสถานะของเขาให้สูงขึ้นด้วย

หะดีษ เล่าจาก อบูฮุร็อยเราะห์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ ว่า ท่านร่อซูลุ้ลลอฮ ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
            “ ศ่อดะเกาะห์ มิทำให้ทรัพย์สินพร่องไป และอัลลอฮฺ มิทรงเพิ่มเติมให้แก่บ่าวคนหนึ่งซึ่งคุณลักษณะแห่งการเป็นผู้ให้อภัย เว้นแต่เกียรติของเขาจะเพิ่มขึ้นด้วย
             และบ่าวไม่มีบ่าวคนใดที่ถ่อมตนเพื่ออัลลอฮฺ เว้นแต่อัลลอฮฺ อัซซะวะญัล จะทรงยกสถานะของเขาให้สูงขึ้นด้วย ”
มุสลิม
จากหะดีษบทนี้ท่านนบีสอนพวกเราให้รู้ว่า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ที่การกำหนดของอัลลอฮฺ การที่จะทำให้ผู้หนึ่งผู้ใดมีเกียรติได้นั้น อัลลอฮฺทรงกำหนดให้ไว้กับผู้ที่รักในการบริจาคทาน ใครที่ให้ทานบริจาค เขาจะได้รับเกียรตินั้นจากอัลลอฮฺ และเช่นกันผู้ที่อัลลอฮ.จะทรงยกสถานะให้เขาสูงขึ้นได้นั้น ก็มาจากผู้ที่มีมารยาทที่สุภาพนอบน้อม อ่อนน้อมถ่อมตน ใครที่มีความน้อบน้อมถ่อมตน เขาจะได้รับการยกสถานะให้สูงขึ้นจากอัลลอฮ. เสมอ ดังนั้นผู้ใดที่อัลลอฮฺทรงให้เกียรติหรือยกสถานะของเขาให้สูงขึ้นแล้ว ก็ไม่มีใครที่จะไปลดเกียรติ หรือทำให้เขามีสถานะที่ต่ำต้อยได้ ก็ฝากพี่น้องไว้ว่าเราทุกคนสามารถมีเกียรติและมีสถานะที่สูงส่งได้เสมอ ถ้าเราปฏิบัติตามสิ่งที่อัลลอฮฺได้ทรงกำหนดไว้น่ะครับ อินชาอัลลอฮฺ

Wednesday, 15 May 2019

ผู้ใดที่แสวงหาความรู้ซึ่งเป็นความรู้ที่ควรหาเพื่อหวังความโปรดปรานจากอัลลอฮฺ แต่เขาไม่ได้แสวงหามันนอกเสียจากเพื่อหวังผลประโยชน์ของดุนยา แน่นอนเขาจะไม่ได้ลิ้มรสกลิ่นอายของสวนสวรรค์ในวันกิยามะฮฺ

หะดีษ ท่านนบี ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
               “ ผู้ใดที่แสวงหาความรู้ซึ่งเป็นความรู้ที่ควรหาเพื่อหวังความโปรดปรานจากอัลลอฮฺ แต่เขาไม่ได้แสวงหามันนอกเสียจากเพื่อหวังผลประโยชน์ของดุนยา แน่นอนเขาจะไม่ได้ลิ้มรสกลิ่นอายของสวนสวรรค์ในวันกิยามะฮฺ ”
อบูดาวูด
จากหะดีษบทนี้ท่านนบีสอนพวกเราให้รู้ว่า การมีความบริสุทธิ์ใจในการทำงานเพื่ออัลลอฮ. เป็นเรื่องสำคัญที่สุด พระองค์จะตอบรับการงานของเราหรือไม่ก็อยู่ที่ความบริสุทธิ์ใจเพื่อพระองค์ หลายคนที่แสวงหาความรู้และทำงานเพื่อหวังประโยชน์ในเรื่องฐานะเงินทองแและตำแหน่งชื่อเสียง ซึ่งมันเป็นแค่ภาพลวงในโลกนี้เท่านั้น แต่การงานเหล่านั้นจะไม่เป็นประโยชน์กับเขาเลยในยามที่เขากลับไปหาอัลลอฮ. แม้แต่กลิ่นอายของสวนสวรรค์เขายังไม่มีโอดาสได้สัมผัส แต่ผู้คนหลายคนก็ยังพยายามทำอยู่ แทนที่เขาแค่เปลี่ยนเจตนา(เหนียต)เสียใหม่ ว่าทุกการงานทั้งหมดขอทำเพื่ออัลลอฮ. เท่านี้การช่วยเหลือของพระองค์ก็จะมาถึงเรา และการงานเหล่านั้นก็จะได้รับการตอบแทนอย่างมากมายในโลกหน้า ก็ฝากพี่น้องไว้ให้ระวังเจตนา(เหนียต)ของตัวเราเองให้ดี ว่าเราทำการงานลงไปเพื่ออะไร ใข่ทำไปเพื่ออัลลอฮ.หรือไม่ ถ้าใช่ก็ขอให้มั่นใจว่าเราจะได้รับความช่วยเหลือและการตอบแทนจากพระองค์อย่างแน่นอนน่ะครับ อินชาอัลลอฮ.

Saturday, 20 April 2019

ผู้ใดกล่าว ซุบฮานัลลอฮิวะบิฮัมดิฮี (มหาบริสุทธิ์แห่งอัลลอฮฺและด้วยการสรรเสริญต่อพระองค์) ในวันหนึ่งร้อยครั้ง ความผิดต่าง ๆ ของเขาจะถูกลบล้างไป ถึงแม้ว่าความผิดต่าง ๆ นั้นเท่ากับฟองน้ำในทะเล

หะดีษ ท่านร่อซูลุลลอฮฺ  ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
        “ ผู้ใดกล่าว ซุบฮานัลลอฮิวะบิฮัมดิฮี (มหาบริสุทธิ์แห่งอัลลอฮฺและด้วยการสรรเสริญต่อพระองค์) ในวันหนึ่งร้อยครั้ง ความผิดต่าง ๆ ของเขาจะถูกลบล้างไป ถึงแม้ว่าความผิดต่าง ๆ นั้นเท่ากับฟองน้ำในทะเล ”
บุคอรี
จากหะดีษบทนี้ท่านนบีสอนพวกเราให้รู้ว่า การรำลึกถึงอัลลอฮ. อยู่เสมอนั้น จะทำให้เขาเป็นผู้ที่อัลลอฮ.ทรงรัก และจะสะดวกในการเข้าสวนสวรรค์ของพระองค์ หรือแม้แต่การปลดเปลื้องบาปที่มีของเราทิ้งออกไป ด้งเช่นคำกล่าวที่ว่า " ซุบฮานัลลอฮ์ วะบิฮัมดีฮี " ถ้าเราได้กล่าววันละ100ครั้ง ความผิดหรือบาปของเราจะถูกลบล้างออกไป แม้มันจะมากมายเท่ากับฟองน้ำในท้องทะเลก็ตาม เมื่อเราเห็นการตอบแทน จากการรำลึกถึงอัลลอฮ.(ซิกรุ้ลลอฮ์) อย่างมากมายขนาดนี้แล้ว พี่น้องก็อย่าได้ละเลยในการรำลึกถึงอัลลอฮ.กันน่ะครับ ผลบุญที่มากมายและทำได้ง่ายๆแบบนี้ ถ้าใครละทิ้ง ก็ถือว่าเขาได้โยนโอกาสที่จะได้รับการตอบแทนอย่างมากมายทิ้งไป เลยน่ะครับ อินชาอัลลอฮ.

Thursday, 18 April 2019

สิ่งแรกที่บ่าวจะถูกนำมาสอบสวนบัญชี ในวันแห่งการตัดสิน คือการละหมาด หากว่ามันดี การงานอื่นจะดีไปด้วย และถ้าหากว่ามันเสียหาย การงานอื่นก็พลอยเสียหายไปด้วย

หะดีษ ท่านนบี ซ็อลลัลลอฮุอะลียฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
         “ สิ่งแรกที่บ่าวจะถูกนำมาสอบสวนบัญชี ในวันแห่งการตัดสิน คือการละหมาด หากว่ามันดี การงานอื่นจะดีไปด้วย และถ้าหากว่ามันเสียหาย การงานอื่นก็พลอยเสียหายไปด้วย ”
อัฏเฏาะบะรอนี
จากหะดีษบทนี้ท่านนบีสอนพวกเราให้รู้ว่า ในการสอบสวนเพื่อพิพากษามนุษย์ของอัลลอฮ.นั้น พระองค์จะทรงสอบสวนการละหมาดเป็นเรื่องแรก ใครละหมาด ใครปฏิเสธการละหมาด จะถูกแยกออกจากกัน คนที่ปฏิเสธการละหมาดแน่นอนว่าเขาไม่มีอะไรมาเป็นพยานที่จะช่วยเหลือให้เขารอดพ้นจากการลงโทษได้เลย ส่วนผู้ที่ดำรงการละหมาด แน่นอนว่าเขาได้รักษาหน้าที่ ที่ตัวเขามีต่ออัลลอฮ. และเขามีพยานมายืนยันว่าเขาได้ละหมาด ก็คือทุกสถานที่ๆเขาละหมาดจะมาเป็นพยานให้เขา และแน่นอนว่าทุกการงานที่เขาทำนอกเหนือจากการละหมาด ย่อมจะเป็นการงานที่ดีตามการละหมาดไปด้วย และนั่นย่อมเป็นผลกำไรที่ออกดอกออกผลให้เขาในวันพิพากษา
ก็ฝากพี่น้องไว้ว่า จงอย่าได้ละทิ้งการละหมาดกันเลย ขอให้เชื่อมั่นเถิดว่า เมื่อเราดำรงการละหมาด แม้ชีวิตเราจะไม่ได้ร่ำรวยขึ้น แต่ชีวิตของเราจะดีขึ้นทั้งในโลกนี้และในโลกหน้าอย่างแน่นอนน่ะครับ อินชาอัลลอฮ.

Sunday, 24 March 2019

โลกนี้เมื่อเทียบกับโลกหน้า ที่จะมาถึงนั้น ประหนึ่งเหมือนกับการที่คนใด ในหมู่พวกท่าน เอานิ้วจุ่มลงไปในมหาสมุทร พวกท่านจงพิจารณาดูซิว่า จะมีน้ำมากน้อยเพียงใด ที่จะติดมากับนิ้วของท่าน เมื่อท่านดึงนิ้วขึ้นมา

หะดีษ เล่าจาก อิบนุ ชัดดาด อัล-ฟะฮฺรียฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่า ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ซ็อลลั้ลลอฮุ อฺะลัยฮิวะซั้ลลัม ได้กล่าวความว่า
          “  โลกนี้เมื่อเทียบกับโลกหน้า ที่จะมาถึงนั้น ประหนึ่งเหมือนกับการที่คนใด ในหมู่พวกท่าน เอานิ้วจุ่มลงไปในมหาสมุทร พวกท่านจงพิจารณาดูซิว่า จะมีน้ำมากน้อยเพียงใด ที่จะติดมากับนิ้วของท่าน เมื่อท่านดึงนิ้วขึ้นมา ”
มุสลิม
จากหะดัษบทนี้ท่านนยีสอนพวกเาให้รู้ว่า อย่าให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตอย่างสุขสบายบนโลกนี้ เพราะความสุขสบายอย่างแท้จริงไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้ แต่อัลลอฮ.ทรงเตรียมสถานที่บรมสุขไว้ให้กับผู้ศรัทธา ซึ่งที่นั่นจะไม่มีความทุกข์ใดๆทั้งสิ้น นั่นคือสวนสวรรค์ของพระองค์ เมื่อเทียบกับความสุขสบายบนโลกนี้ เท่ากับเอาน้ำในมหาสมุทร มาเทียบกับน้ำที่ติดนิ้วจะการจุ่มลงไปในมหาสมุทร ซึ่งมันเทียบกันไม่ได้เลย แต่มนุษย์ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญเฉพาะแต่สิ่งที่ตัวเองเห็นหรือสัมผัสได้เท่านั้น จึงทำให้พวกเขาหลงใหลในความสุขสบายมั่งคั่งร่ำรวยในโลกใบนี้ ต่างกับผู้ศรัทธาที่พวกเขาให้ความสำคัญกับโลกหน้ามากกว่า โดยเห็นว่าโลกนี้เสมือนเป็นทางผ่าน ที่พวกเขาใช้เดินทางไปสู่ความสุขอย่างนิรันดร์ในโลกหน้า ดังนั้นทุกการงานของเขาจึงทำไปเพื่ออัลลอฮ. และทรัพย์สินส่วนใหญ่จึงใช้ไปในการช่วยเหลือผู้อื่นที่เดือดร้อนเพื่อหวังผลในโลกหน้า ก็ฝากพี่น้องไว้ว่าอย่าได้หลงใหลโลกนี้จนเหมือนเราจะอยู่ตลอดไป แต่จงใช้ชีวิตแบบว่าเราจะจากโลกนี้ไปในวันพรุ่งนี้ มันจะทำให้เรารู้สึกว่าไม่อยากมีอะไรสะสมอีกแล้ว จะได้ใช้จ่ายสิ่งที่มีแบ่งปันให้กับผู้อื่น แล้วมันจะทำให้เราสะสมเสบียงที่ดีที่สุดไว้ในโลกหน้าน่ะครับ อินชาอัลลอฮ.

Saturday, 9 February 2019

ผู้ที่ไม่รู้จักขอบคุณมนุษย์ ย่อมไม่มีทางขอบคุณอัลลอฮ.

หะดีษ ท่านนบี ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
         “ ผู้ที่ไม่รู้จักขอบคุณมนุษย์ ย่อมไม่มีทางขอบคุณอัลลอฮ. ”
มุสลิม
จากหะดีษบทนี้ท่านนบีสอนพวกเราให้รู้ว่า การขอบคุณคือคุณสมบัติของผู้ที่มีความกตัญญู ไม่ว่าใครที่ทำดีกับเรา ช่วยเหลือเรา ให้คำแนะนำเรา หรือแก้ปัญหาให้ การกล่าวขอบคุณต่อเขาเป็นสิ่งแรกที่เราจะต้องต้องกระทำ แม้ว่าสิ่งที่เขาทำให้กับเรานั้น มันอาจจะไม่ได้มากมายอะไรก็ตาม แต่ในเมื่อเขามีน้ำใจ เราเองก็ต้องขอบคุณ นี่คือสิ่งที่มนุษย์ปฏิบัติต่อมนุษย์ด้วยกัน แล้วการปฏิบัติต่ออัลลอฮ. พระผู้ทรงอภิบาล ผู้ทรงให้เราบังเกิดขึ้นมา ให้ปัจจียยังชีพ ให้ชีวิต ให้ความรู้ ให้คู่ครอง และอื่นๆอีกมากมายที่พระองค์ทรงให้กับเรา แล้วเราได้กล่าวขอบคุณพระองค์ได้มากเท่าที่พระองค์ทรงให้หรือไม่ หลายคนไม่ได้คิด หลายคนไม่ได้นึก ว่าสิ่งดีๆที่เข้ามาในชีวิตของเขาล้วนมาจากอัลลอฮ.ทั้งสิ้น หลายคนยังคิดว่าเป็นความสามารถของตัว จึงมีความหยิ่งยะโสทะนงตน แม้แต่มนุษย์ด้วยกันถ้ายังไม่เคยกล่าวขอบคุณแล้ว อย่าได้หวังว่าเขาจะขอบคุณอัลลอฮ.
ก็ฝากพี่น้องไว้ว่าจงทำให้ชีวิตผูกพันกับอัลลอฮ.เถิด เมื่อมีความทุกข์ก็ขอความช่วยเหลือจากพระองค์ เมื่อมีความสุขก็ขอบคุณต่อพระองค์ และพยายามรำลึกถึงพระองค์อยู่เสมอ แล้วชีวิตของเราก็จะได้อยู่ในทางนำของพระองค์ตลอดไปน่ะครับ อินชาอัลลอฮฺ

Friday, 1 February 2019

อัลลอฮฺทรงโกรธกริ้วบรรดาผู้ที่ไม่วอนขอสิ่งใดจากพระองค์

หะดีษ ท่านนบี ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
            “ อัลลอฮฺทรงโกรธกริ้วบรรดาผู้ที่ไม่วอนขอสิ่งใดจากพระองค์ ”
ติรฺมิซี
จากหะดีษบทนี้ท่านนบีสอนให้เรารู้ว่า การวิงวอนขอต่ออัลลอฮ. เป็นของผู้ศรัทธาทุกคน การวิงวอนขอต่ออัลลอฮ.แสดงถึงความถ่อมตนที่มีต่อพระองค์ และพระองค์ทรงรักบ่าวที่ยกมือวิงวอนขอต่อพระองค์ โดยพระองค์จะไม่ให้การยกมือวิงวอนขอของบ่าวนั้นสูญเปล่า แม้ว่าคำวิงวอนขอนั้นจะมีน้ำเสียงที่แผ่วเบาเพียงใดก็ตาม พระองค์ก็ทรงได้ยินเสมอ และพระองค์ก็ทรงรังเกียจและโกรธกริ้วต่อความหยิ่งยะโสทะนงตนของมนุษย์ ที่คิดไปเองว่าตัวเองสามารถทำอะไรก็ได้ แก้ไขอะไรก็ได้ด้วยตัวเอง ทั้งที่มันเป็นกำหนดขึ้นของ อัลลอฮ. ว่าอะไรจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ มนุษย์ไม่สามารถกำหนดความสำเร็จให้กับตัวเองได้เลย ดังนั้นสิ่งที่ผู้ศรัทธาต้องทำคือการแสดงความถ่อมตนต่ออัลลอฮ. ด้วยกับการวิงวอนขอต่อพระองค์ เพื่อให้พระองค์ทรงช่วยเหลือ ให้ได้พบกับความสะดวกความง่ายดาย
ก็ฝากพี่น้องอย่าได้เป็นคนที่หยิ่งทะนง ที่ไม่ยอมวิงวอนขออะไรจาก อัลลอฮ. เพราะเราจะกลายเป็นผู้ที่เนรคุณ ในทุกความสำเร็จของเราล้วนมาจากพระประสงค์ของอัลลอฮ.ทั้งสิ้น การแสดงความน้อบน้อมต่อพระองค์จึงเป็นสิ่งที่เราต้องทำ หันมาวิงวอนขอต่ออัลลอฮ.ให้มาก ใข้หัวใจเปล่งเสียงคำวิงวอนนั้น แล้วเราจะเป็นผู้ที่รับการช่วยเหลือจากอัลลอฮ.น่ะครับ อินชาอัลลอฮ.

Saturday, 19 January 2019

ผู้ใดที่ระงับความโกรธไว้ในขณะที่เขาสามารถปะทุมันออกมาได้ ในวันกิยามะฮฺ อัลลอฮฺจะเรียกเขาท่ามกลางผู้คนมากมาย และให้เขาเลือกจะเอานางสวรรค์คนใดก็ได้ตามใจเขา

หะดีษ ท่านร่อซูลุ้ลลอฮ. ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
             “ ผู้ใดที่ระงับความโกรธไว้ในขณะที่เขาสามารถปะทุมันออกมาได้
          ในวันกิยามะฮฺ อัลลอฮฺจะเรียกเขาท่ามกลางผู้คนมากมาย  และให้เขาเลือกจะเอานางสวรรค์คนใดก็ได้ตามใจเขา ”
ติรมิซี
จากหะดีษบทนี้ท่านนบีสอนพวกเราให้รู้ว่า ผลตอบแทนของการระงับความโกรธนั้นมีอย่างมากมาย และไม่ได้ทำกันง่ายๆ การควบคุมอารมณ์ตัวเอง(นัฟซู)ก็เป็นการยากแล้ว แถมยังต้องเจอกับการผสมโรงที่เข้ามาล่อลวงเราจากมารร้ายชัยฎอนอีก มันจึงทำให้ยากในการที่จะระงับความโกรธได้ แต่สำหรับผู้ศรัทธาไม่มีอะไรที่จะทำไม่ได้ ถ้าตั้งใจเชื่อมั่นในอัลลอฮ.และร่อซู้ลของอัลลอฮ. ว่าทุกการงานที่อัลลอฮ.ทรงสั่งใช้และสั่งห้าม ล้วนมีผลตอบแทนที่มากมายจากพระองค์เสมอ ก็ฝากพี่น้องไว้ว่าผู้ที่เข้มแข็งไม่ใช่ผู้ที่ระเบิดอารมณ์ในขณะที่โกรธ แต่คือผู้สามารถระงับความโกรธได้อยู่เสมอต่างหาก น่ะครับ อินชาอัลลอฮ.

Thursday, 10 January 2019

พระผู้อภิบาลผู้ทรงสูงส่งของพวกเจ้าได้ตรัสว่า : โอ้ลูกหลานอาดัมเอ๋ย เจ้าจงอุทิศเวลาเพื่อทำอิบาดะฮฺต่อฉัน แล้วฉันจะทำให้หัวใจของเจ้าเต็มอิ่มด้วยความร่ำรวย (รู้สึกพอ) และทำให้มือของสูเจ้าเต็มไปด้วยปัจจัยยังชีพ โอ้ลูกหลานอาดัมเอ๋ย จงอย่าได้ออกห่างจากฉัน มิเช่นนั้นฉันจะทำให้หัวใจของสูเจ้าเต็มไปด้วยความยากจน และมือของสูเจ้าเต็มไปด้วยการงาน

หะดีษ เล่าจาก มะกิล บิน ยะสาร เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุ ว่า ท่านรอซูลุ้ลลอฮ. ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
       “ พระผู้อภิบาลผู้ทรงสูงส่งของพวกเจ้าได้ตรัสว่า : โอ้ลูกหลานอาดัมเอ๋ย เจ้าจงอุทิศเวลาเพื่อทำอิบาดะฮฺต่อฉัน
       แล้วฉันจะทำให้หัวใจของเจ้าเต็มอิ่มด้วยความร่ำรวย (รู้สึกพอ) และทำให้มือของสูเจ้าเต็มไปด้วยปัจจัยยังชีพ
       โอ้ลูกหลานอาดัมเอ๋ย จงอย่าได้ออกห่างจากฉัน
       มิเช่นนั้นฉันจะทำให้หัวใจของสูเจ้าเต็มไปด้วยความยากจน และมือของสูเจ้าเต็มไปด้วยการงาน ”
อัลฮากิม
จากหะดีษบทนี้ท่านนบีสอนพวกเราให้รู้ว่า ความยำเกรง(ตักวา)ต่ออัลลอฮ. คือกุญแจสำหรับไขในทุกปัญหา เพราะความยำเกรงจะทำให้ออกห่างจากสิ่งต้องห้าม และจะเคร่งครัดในการปฏิบัติต่อคำสั่งใช้ของอัลลอฮ. แล้วพระองค์จะทรงทำให้หัวใจเขามีความเพียงพอ แล้วเขาจะได้รับปัจจัยยังชีพอย่างกว่างขวาง ส่วนผู้ที่ละเลยไม่สนใจในคำสั่งใช้คำสั่งห้ามของอัลลอฮ. เขาจะได้พบกับความคับแคบในทุกๆเรื่องที่เกี่ยวกับปัจจัยยังชีพ และสารพันปัญหาก็จะเข้ามาในชีวิตของเขาจนทำให้เขาไม่มีเวลาไปทำอะไร นอกจากการแสวงหาปัจจัยยังชีพเท่านั้น
ก็ฝากพี่น้องว่า ตราบใดที่เรารักษาความยำเกรง(ตักวา)ต่ออัลลอฮ. เราจะได้พบกับทางออกของชีวิตในทุกๆทาง และจะได้พบกับความกว้างขวางในปัจจัยยังชีพ และจะพอใจในทุกสิ่งที่ได้รับ นี่คือการตอบแทนที่อัลลอฮ. ทรงมอบให้กับผู้ที่มีความยำเกรง(ตักวา)น่ะครับ อินชาอัลลอฮฺ

Wednesday, 9 January 2019

เวลาที่บ่าวจะอยู่ใกล้พระผู้อภิบาลมากที่สุด คือ ในช่วงท้ายของกลางคืน หากพวกเจ้าสามารถที่จะเป็นส่วนหนึ่งจากผู้ที่รำลึกถึงอัลลอฮในเวลาดังกล่าว ก็จงทำเถิด

หะดีษ เล่าจาก อัมริบนี อะบะซะห์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่า ฉันได้ยินท่านนบี ซ็อลลัลลฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
           " เวลาที่บ่าวจะอยู่ใกล้พระผู้อภิบาลมากที่สุด คือ ในช่วงท้ายของกลางคืน หากพวกเจ้าสามารถที่จะเป็นส่วนหนึ่งจากผู้ที่รำลึกถึงอัลลอฮในเวลาดังกล่าว ก็จงทำเถิด "
ติรมีซี
จากหะดีษบทนี้ท่านนบีสอนพวกเราให้รู้ว่า การละหมาดที่ใกล้ชิด กับอัลลอฮ. มากที่สุด คือการละหมาดในช่วงท้ายๆของเวลาค่ำคืน และการลุกขึ้นละหมาดในยามค่ำคืน จะไม่สามารถทำได้เลย ถ้าเขามีความศรัทธาที่อ่อนแอ เพราะในเวลาเหล่านั้นคือเวลาที่คนทั่วไปหลับนอน แต่ผู้ศรัทธาที่เข้มแข็ง เขาจะสามารถลุกขึ้นมาจากการนอนที่แสนสุขสบาย มาทำอิบาดะห์เพื่ออัลลอฮ. แน่นอนว่าความศรัทธาของเขาอยู่ในขั้นที่มีความแข็งแรง ส่วนใครที่ยังเอาแต่นอน โดยไม่ลุกขึ้นมาละหมาดในยามค่ำคืน แน่นอนว่าเขาได้ละทิ้งช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะได้เข้าใกล้ชิดต่ออัลลอฮ.ไปอย่างน่าเสียดาย
ก็ฝากพี่น้องว่า การขออุอาอ์ที่ดีที่สุดคือช่วงเวลาสุดท้ายของค่ำคืน จงใช้เวลานั้นลุกขึ้นมาละหมาดและขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮ.เถิด เพราะพระองค์จะทรงตอบรับดุอาอ์และการละหมาดของเรา ด้วยกับความพึงพอใจจากพระองค์น่ะครับ อินชาอัลลอฮฺ

Sunday, 6 January 2019

บุคคลใดจากพวกท่านอย่าเพิ่งตายนอกจากเขาต้องหวังในด้านดีต่ออัลเลาะฮ์  ผู้ทรงยิ่งใหญ่และเกรียงไกร

หะดีษ เล่าจาก ญาบิร บิน อับดิลลาฮ์ ว่า ท่านร่อซูลุ้ลอฮ. ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
            " บุคคลใดจากพวกท่านอย่าเพิ่งตายนอกจากเขาต้องหวังในด้านดีต่ออัลเลาะฮ์  ผู้ทรงยิ่งใหญ่และเกรียงไกร "
มุสลิม
จากหะดีษบทนี้ท่านนบีสอนพวกเราให้รู้ว่า อย่าได้ท้อแท้หรือสิ้นหวังในความเมตตาของอัลลอฮ. พระองค์จะไม่ทรงส่งบททดสอบที่หนักหนาสาหัส เกินไปกว่าที่ผู้ศรัทธาจะทนรับได้ ขอเพียงแค่บ่าวผู้นั้นมีความอดทนที่มากพอ และได้ขอความช่วยเหลือจากพระองค์ ผู้คนส่วนใหญ่ที่ทนรับสภาพของการทดสอบไม่ได้ ก็เพราะพวกเขาเอาตัวเองออกห่างไปจากอัลลอฮ.เท่านั้น การเดินกลับมาหาพระองค์อย่างมีความหวังในความเมตตาของพระองค์เท่านั้น ที่จะทำให้เขาพบกับทางออกของปัญหาและบททดสอบ
           ก็ฝากพี่น้องไว้ว่าไม่มีอะไรที่จะดีไปกว่า การหวังในความเมตตาและโปรดปรานจากอัลลอฮ. เพราะนั่นแสดงถึงความศรัทธาและยำเกรงที่เรามีต่อพระองค์น่ะครับ อินชาอัลลอฮฺ

Friday, 4 January 2019

ทุกๆอวัยวะของมนุษย์ มีการทำซอดาเกาะห์ในทุกๆวันดวงอาทิตย์โผล่ขึ้นมา การที่ท่านได้ประนีประนอมระหว่างสองคนด้วยความเป็นธรรม ก็เป็นซอดาเกาะห์ การที่ท่านได้ช่วยเหลือชายคนหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องสัตว์พาหนะของเขา การที่ท่านอุ้มเขาขึ้นขี่มัน หรือช่วยยกสิ่งของสัมภาระขึ้นไว้ให้ ก็เป็นการซอดาเกาะห์ คำพูดจาที่ดีก็เป็นซอดาเกาะห์ ทุกๆย่างก้าวที่ท่านเดินไปละหมาด ก็เป็นการซอดาเกาะห์ และการที่ท่านขจัดสิ่งที่เป็นอันตรายออกจากถนนหนทาง ก็เป็นการซอดาเกาะห์

หะดีษ เล่าจาก อะบีฮุรอยเราะห์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่า ท่านรอซู้ล  ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
      "  ทุกๆอวัยวะของมนุษย์ มีการทำซอดาเกาะห์ในทุกๆวันดวงอาทิตย์โผล่ขึ้นมา
      การที่ท่านได้ประนีประนอมระหว่างสองคนด้วยความเป็นธรรม ก็เป็นซอดาเกาะห์
      การที่ท่านได้ช่วยเหลือชายคนหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องสัตว์พาหนะของเขา การที่ท่านอุ้มเขาขึ้นขี่มัน หรือช่วยยกสิ่งของสัมภาระขึ้นไว้ให้ ก็เป็นการซอดาเกาะห์
      คำพูดจาที่ดีก็เป็นซอดาเกาะห์
      ทุกๆย่างก้าวที่ท่านเดินไปละหมาด ก็เป็นการซอดาเกาะห์
      และการที่ท่านขจัดสิ่งที่เป็นอันตรายออกจากถนนหนทาง ก็เป็นการซอดาเกาะห์ "
บุคอรี
จากหะดีษบทนี้ท่านนบีได้สอนให้พวกเรารู้ว่า ทุกการกระทำความดีของเราล้วนเป็นซอดาเกาะห์(บริจาคทาน) แม้ว่าเราจะไม่มีเงินทองที่จะใช้บริจาค แต่เราสามารถทำความดีอย่างอื่น ก็ถือว่าเป็นการบริจาคทานได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น การเข้าไปประณีประนอมให้ผู้คนสองฝ่ายที่ทะเลาะกันได้กลับมาดีกัน หรือการให้ความช่วยเหลือรับส่งผู้ที่ไม่สามารถเดินทางได้อย่างปกติ เช่น เด็กๆ สตรี คนชรา คนพิการ หรือแม้แต่การพ฿ดจาด้วยคำพูดที่ดีต่อผู้อื่น หรือการเก็บเศษขยะที่สามารถสร้างอันตรายต่อผู้คนที่ใช้ทางสัญจร หรือบนถนนหนทาง และการมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มต่อผู้คน ทั้งหมดล้วนเป็นการบริจาคทานทั้งสิ้น นี่คือความเมตตาที่อัลลอฮ.จะทรงตอบแทนให้กับผู้ศรัทธา
ก็ฝากพี่น้องว่า แม้เราจะไม่ได้มีเงินทองอย่างมากมายที่จะใช้ในการบริจาคทาน แต่เราสามารถทำความดีอื่นๆ ที่ได้รับการตอบแทนเช่นเดียวกับการบริจาคทานได้เช่นกัน อย่าลืมที่จะบริจาคทานกันในทุกๆวันน่ะครับ อินชาอัลลอฮฺ

Thursday, 3 January 2019

“ ผู้ใดที่ถือศีลอดหนึ่งวันในหนทางของอัลลอฮ.(ผลตอบแทนของเขาก็คือ) พระองค์จะทรงทำให้เขาห่างไกลจากไฟนรกถึงระยะทางเท่ากับเจ็ดสิบฤดูกาลในการเดินทาง ”

หะดีษ เล่าจาก อบู สะอีด อัล-คุดรีย์ เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุ ว่า ท่านร่อซูล ซ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
           “ ผู้ใดที่ถือศีลอดหนึ่งวันในหนทางของอัลลอฮ.(ผลตอบแทนของเขาก็คือ) พระองค์จะทรงทำให้เขาห่างไกลจากไฟนรกถึงระยะทางเท่ากับเจ็ดสิบฤดูกาลในการเดินทาง ”
บุคอรี
จากหะดีษบทนี้ท่านนบีสอนพวกเราให้รู้ว่า การถือศีลอดด้วยความบริสุทธิ์ใจเพื่ออัลลอฮ. จะได้รับการตอบแทนอย่างมากมาย เพราะ อัลลอฮ.จะเป็นผู้ตอบแทนให้มากยิ่งขึ้นตามความประสงค์ของพระองค์เอง จากที่พระค์ทรงกำหนดไว้ว่า ผู้ใดที่ถือศีลอดด้วยความบริสุทธิ์ใจเพื่อพระองค์เพียงหนึ่งวัน พระองค์จะทรงให้เขาห่างออกไปจากไฟนรกเป็นระยะถึงเจ็ดสิบฤดูกาล(ปี)ในการเดินทาง ซึ่งมันจะไกลมากจนไม่มีทางที่จะได้เห็นหรือรู้สึกได้ถึงความร้อนของไฟนรก นี่คือการตอบแทนขั้นต้นที่อัลลอฮ.ทรงเมตตาให้ แล้วถ้าเขาถือศีลอดด้วยความบริสุทธิ์ใจในทุกเดือนรอมฎอนตลอดชั่วชีวิตของเขา เขาจะได้รับการตอบแทนอย่างมากมายเพียงใด ก็คงไม่มีใครจะสามารถคิดคำนวนได้ แต่ที่ชัดเจนคือเขาจะห่างไกลจากไฟนรก และเขาจะได้เข้าสวนสวรรค์ผ่านประตูอัรรอยยาน(ประตูสวรรค์สำหรับผู้ถือศีลอด)อย่างแน่นอนที่สุด
ก็ฝากพี่น้องไว้ว่า ทุกการงานที่ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจเพื่ออัลลอฮ.นั้น เขาจะได้รับการตอบแทนที่มากมายจนคำนวนค่าไม่ได้ ขอแค่เพียงเรามีเจตนาจะทำเพื่ออัลลอฮ.เท่านั้น และอย่าลืมเป็นอันขาด เมื่อใดที่เราจะถือศีลอด อย่าลืมที่จะตั้งเจตนาว่าเราจะทำไปเพื่อให้พระองค์ทรงพึงพอพระทัยน่ะครับ อินชาอัลลอฮฺ