หะดีษ ท่านร่อซูลุ้ลลอฮ. ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
“ ผู้ใดที่ระงับความโกรธไว้ในขณะที่เขาสามารถปะทุมันออกมาได้
ในวันกิยามะฮฺ อัลลอฮฺจะเรียกเขาท่ามกลางผู้คนมากมาย และให้เขาเลือกจะเอานางสวรรค์คนใดก็ได้ตามใจเขา ”
ติรมิซี
จากหะดีษบทนี้ท่านนบีสอนพวกเราให้รู้ว่า ผลตอบแทนของการระงับความโกรธนั้นมีอย่างมากมาย และไม่ได้ทำกันง่ายๆ การควบคุมอารมณ์ตัวเอง(นัฟซู)ก็เป็นการยากแล้ว แถมยังต้องเจอกับการผสมโรงที่เข้ามาล่อลวงเราจากมารร้ายชัยฎอนอีก มันจึงทำให้ยากในการที่จะระงับความโกรธได้ แต่สำหรับผู้ศรัทธาไม่มีอะไรที่จะทำไม่ได้ ถ้าตั้งใจเชื่อมั่นในอัลลอฮ.และร่อซู้ลของอัลลอฮ. ว่าทุกการงานที่อัลลอฮ.ทรงสั่งใช้และสั่งห้าม ล้วนมีผลตอบแทนที่มากมายจากพระองค์เสมอ ก็ฝากพี่น้องไว้ว่าผู้ที่เข้มแข็งไม่ใช่ผู้ที่ระเบิดอารมณ์ในขณะที่โกรธ แต่คือผู้สามารถระงับความโกรธได้อยู่เสมอต่างหาก น่ะครับ อินชาอัลลอฮ.
..สิ่งที่กึกก้องในหัวคือคำสอน...ของครู ....สิ่งที่ถูกกำหนด ไม่มีใครหนีมันได้ ......สิ่งที่ผมจะทำให้ครู คือดุอาร์ และ เผยแพร่ความดีที่ครูทำมา. บน Blog เล็กๆ เพื่อรวบรวมความดีของท่าน ....
Saturday, 19 January 2019
ผู้ใดที่ระงับความโกรธไว้ในขณะที่เขาสามารถปะทุมันออกมาได้ ในวันกิยามะฮฺ อัลลอฮฺจะเรียกเขาท่ามกลางผู้คนมากมาย และให้เขาเลือกจะเอานางสวรรค์คนใดก็ได้ตามใจเขา
Thursday, 10 January 2019
พระผู้อภิบาลผู้ทรงสูงส่งของพวกเจ้าได้ตรัสว่า : โอ้ลูกหลานอาดัมเอ๋ย เจ้าจงอุทิศเวลาเพื่อทำอิบาดะฮฺต่อฉัน แล้วฉันจะทำให้หัวใจของเจ้าเต็มอิ่มด้วยความร่ำรวย (รู้สึกพอ) และทำให้มือของสูเจ้าเต็มไปด้วยปัจจัยยังชีพ โอ้ลูกหลานอาดัมเอ๋ย จงอย่าได้ออกห่างจากฉัน มิเช่นนั้นฉันจะทำให้หัวใจของสูเจ้าเต็มไปด้วยความยากจน และมือของสูเจ้าเต็มไปด้วยการงาน
หะดีษ เล่าจาก มะกิล บิน ยะสาร เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุ ว่า ท่านรอซูลุ้ลลอฮ. ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
“ พระผู้อภิบาลผู้ทรงสูงส่งของพวกเจ้าได้ตรัสว่า : โอ้ลูกหลานอาดัมเอ๋ย เจ้าจงอุทิศเวลาเพื่อทำอิบาดะฮฺต่อฉัน
แล้วฉันจะทำให้หัวใจของเจ้าเต็มอิ่มด้วยความร่ำรวย (รู้สึกพอ) และทำให้มือของสูเจ้าเต็มไปด้วยปัจจัยยังชีพ
โอ้ลูกหลานอาดัมเอ๋ย จงอย่าได้ออกห่างจากฉัน
มิเช่นนั้นฉันจะทำให้หัวใจของสูเจ้าเต็มไปด้วยความยากจน และมือของสูเจ้าเต็มไปด้วยการงาน ”
อัลฮากิม
จากหะดีษบทนี้ท่านนบีสอนพวกเราให้รู้ว่า ความยำเกรง(ตักวา)ต่ออัลลอฮ. คือกุญแจสำหรับไขในทุกปัญหา เพราะความยำเกรงจะทำให้ออกห่างจากสิ่งต้องห้าม และจะเคร่งครัดในการปฏิบัติต่อคำสั่งใช้ของอัลลอฮ. แล้วพระองค์จะทรงทำให้หัวใจเขามีความเพียงพอ แล้วเขาจะได้รับปัจจัยยังชีพอย่างกว่างขวาง ส่วนผู้ที่ละเลยไม่สนใจในคำสั่งใช้คำสั่งห้ามของอัลลอฮ. เขาจะได้พบกับความคับแคบในทุกๆเรื่องที่เกี่ยวกับปัจจัยยังชีพ และสารพันปัญหาก็จะเข้ามาในชีวิตของเขาจนทำให้เขาไม่มีเวลาไปทำอะไร นอกจากการแสวงหาปัจจัยยังชีพเท่านั้น
ก็ฝากพี่น้องว่า ตราบใดที่เรารักษาความยำเกรง(ตักวา)ต่ออัลลอฮ. เราจะได้พบกับทางออกของชีวิตในทุกๆทาง และจะได้พบกับความกว้างขวางในปัจจัยยังชีพ และจะพอใจในทุกสิ่งที่ได้รับ นี่คือการตอบแทนที่อัลลอฮ. ทรงมอบให้กับผู้ที่มีความยำเกรง(ตักวา)น่ะครับ อินชาอัลลอฮฺ
Wednesday, 9 January 2019
เวลาที่บ่าวจะอยู่ใกล้พระผู้อภิบาลมากที่สุด คือ ในช่วงท้ายของกลางคืน หากพวกเจ้าสามารถที่จะเป็นส่วนหนึ่งจากผู้ที่รำลึกถึงอัลลอฮในเวลาดังกล่าว ก็จงทำเถิด
หะดีษ เล่าจาก อัมริบนี อะบะซะห์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่า ฉันได้ยินท่านนบี ซ็อลลัลลฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
" เวลาที่บ่าวจะอยู่ใกล้พระผู้อภิบาลมากที่สุด คือ ในช่วงท้ายของกลางคืน หากพวกเจ้าสามารถที่จะเป็นส่วนหนึ่งจากผู้ที่รำลึกถึงอัลลอฮในเวลาดังกล่าว ก็จงทำเถิด "
ติรมีซี
จากหะดีษบทนี้ท่านนบีสอนพวกเราให้รู้ว่า การละหมาดที่ใกล้ชิด กับอัลลอฮ. มากที่สุด คือการละหมาดในช่วงท้ายๆของเวลาค่ำคืน และการลุกขึ้นละหมาดในยามค่ำคืน จะไม่สามารถทำได้เลย ถ้าเขามีความศรัทธาที่อ่อนแอ เพราะในเวลาเหล่านั้นคือเวลาที่คนทั่วไปหลับนอน แต่ผู้ศรัทธาที่เข้มแข็ง เขาจะสามารถลุกขึ้นมาจากการนอนที่แสนสุขสบาย มาทำอิบาดะห์เพื่ออัลลอฮ. แน่นอนว่าความศรัทธาของเขาอยู่ในขั้นที่มีความแข็งแรง ส่วนใครที่ยังเอาแต่นอน โดยไม่ลุกขึ้นมาละหมาดในยามค่ำคืน แน่นอนว่าเขาได้ละทิ้งช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะได้เข้าใกล้ชิดต่ออัลลอฮ.ไปอย่างน่าเสียดาย
ก็ฝากพี่น้องว่า การขออุอาอ์ที่ดีที่สุดคือช่วงเวลาสุดท้ายของค่ำคืน จงใช้เวลานั้นลุกขึ้นมาละหมาดและขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮ.เถิด เพราะพระองค์จะทรงตอบรับดุอาอ์และการละหมาดของเรา ด้วยกับความพึงพอใจจากพระองค์น่ะครับ อินชาอัลลอฮฺ
Sunday, 6 January 2019
บุคคลใดจากพวกท่านอย่าเพิ่งตายนอกจากเขาต้องหวังในด้านดีต่ออัลเลาะฮ์ ผู้ทรงยิ่งใหญ่และเกรียงไกร
หะดีษ เล่าจาก ญาบิร บิน อับดิลลาฮ์ ว่า ท่านร่อซูลุ้ลอฮ. ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
" บุคคลใดจากพวกท่านอย่าเพิ่งตายนอกจากเขาต้องหวังในด้านดีต่ออัลเลาะฮ์ ผู้ทรงยิ่งใหญ่และเกรียงไกร "
มุสลิม
จากหะดีษบทนี้ท่านนบีสอนพวกเราให้รู้ว่า อย่าได้ท้อแท้หรือสิ้นหวังในความเมตตาของอัลลอฮ. พระองค์จะไม่ทรงส่งบททดสอบที่หนักหนาสาหัส เกินไปกว่าที่ผู้ศรัทธาจะทนรับได้ ขอเพียงแค่บ่าวผู้นั้นมีความอดทนที่มากพอ และได้ขอความช่วยเหลือจากพระองค์ ผู้คนส่วนใหญ่ที่ทนรับสภาพของการทดสอบไม่ได้ ก็เพราะพวกเขาเอาตัวเองออกห่างไปจากอัลลอฮ.เท่านั้น การเดินกลับมาหาพระองค์อย่างมีความหวังในความเมตตาของพระองค์เท่านั้น ที่จะทำให้เขาพบกับทางออกของปัญหาและบททดสอบ
ก็ฝากพี่น้องไว้ว่าไม่มีอะไรที่จะดีไปกว่า การหวังในความเมตตาและโปรดปรานจากอัลลอฮ. เพราะนั่นแสดงถึงความศรัทธาและยำเกรงที่เรามีต่อพระองค์น่ะครับ อินชาอัลลอฮฺ
Friday, 4 January 2019
ทุกๆอวัยวะของมนุษย์ มีการทำซอดาเกาะห์ในทุกๆวันดวงอาทิตย์โผล่ขึ้นมา การที่ท่านได้ประนีประนอมระหว่างสองคนด้วยความเป็นธรรม ก็เป็นซอดาเกาะห์ การที่ท่านได้ช่วยเหลือชายคนหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องสัตว์พาหนะของเขา การที่ท่านอุ้มเขาขึ้นขี่มัน หรือช่วยยกสิ่งของสัมภาระขึ้นไว้ให้ ก็เป็นการซอดาเกาะห์ คำพูดจาที่ดีก็เป็นซอดาเกาะห์ ทุกๆย่างก้าวที่ท่านเดินไปละหมาด ก็เป็นการซอดาเกาะห์ และการที่ท่านขจัดสิ่งที่เป็นอันตรายออกจากถนนหนทาง ก็เป็นการซอดาเกาะห์
หะดีษ เล่าจาก อะบีฮุรอยเราะห์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่า ท่านรอซู้ล ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
" ทุกๆอวัยวะของมนุษย์ มีการทำซอดาเกาะห์ในทุกๆวันดวงอาทิตย์โผล่ขึ้นมา
การที่ท่านได้ประนีประนอมระหว่างสองคนด้วยความเป็นธรรม ก็เป็นซอดาเกาะห์
การที่ท่านได้ช่วยเหลือชายคนหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องสัตว์พาหนะของเขา การที่ท่านอุ้มเขาขึ้นขี่มัน หรือช่วยยกสิ่งของสัมภาระขึ้นไว้ให้ ก็เป็นการซอดาเกาะห์
คำพูดจาที่ดีก็เป็นซอดาเกาะห์
ทุกๆย่างก้าวที่ท่านเดินไปละหมาด ก็เป็นการซอดาเกาะห์
และการที่ท่านขจัดสิ่งที่เป็นอันตรายออกจากถนนหนทาง ก็เป็นการซอดาเกาะห์ "
บุคอรี
จากหะดีษบทนี้ท่านนบีได้สอนให้พวกเรารู้ว่า ทุกการกระทำความดีของเราล้วนเป็นซอดาเกาะห์(บริจาคทาน) แม้ว่าเราจะไม่มีเงินทองที่จะใช้บริจาค แต่เราสามารถทำความดีอย่างอื่น ก็ถือว่าเป็นการบริจาคทานได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น การเข้าไปประณีประนอมให้ผู้คนสองฝ่ายที่ทะเลาะกันได้กลับมาดีกัน หรือการให้ความช่วยเหลือรับส่งผู้ที่ไม่สามารถเดินทางได้อย่างปกติ เช่น เด็กๆ สตรี คนชรา คนพิการ หรือแม้แต่การพ฿ดจาด้วยคำพูดที่ดีต่อผู้อื่น หรือการเก็บเศษขยะที่สามารถสร้างอันตรายต่อผู้คนที่ใช้ทางสัญจร หรือบนถนนหนทาง และการมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มต่อผู้คน ทั้งหมดล้วนเป็นการบริจาคทานทั้งสิ้น นี่คือความเมตตาที่อัลลอฮ.จะทรงตอบแทนให้กับผู้ศรัทธา
ก็ฝากพี่น้องว่า แม้เราจะไม่ได้มีเงินทองอย่างมากมายที่จะใช้ในการบริจาคทาน แต่เราสามารถทำความดีอื่นๆ ที่ได้รับการตอบแทนเช่นเดียวกับการบริจาคทานได้เช่นกัน อย่าลืมที่จะบริจาคทานกันในทุกๆวันน่ะครับ อินชาอัลลอฮฺ
Thursday, 3 January 2019
“ ผู้ใดที่ถือศีลอดหนึ่งวันในหนทางของอัลลอฮ.(ผลตอบแทนของเขาก็คือ) พระองค์จะทรงทำให้เขาห่างไกลจากไฟนรกถึงระยะทางเท่ากับเจ็ดสิบฤดูกาลในการเดินทาง ”
หะดีษ เล่าจาก อบู สะอีด อัล-คุดรีย์ เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุ ว่า ท่านร่อซูล ซ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
“ ผู้ใดที่ถือศีลอดหนึ่งวันในหนทางของอัลลอฮ.(ผลตอบแทนของเขาก็คือ) พระองค์จะทรงทำให้เขาห่างไกลจากไฟนรกถึงระยะทางเท่ากับเจ็ดสิบฤดูกาลในการเดินทาง ”
บุคอรี
จากหะดีษบทนี้ท่านนบีสอนพวกเราให้รู้ว่า การถือศีลอดด้วยความบริสุทธิ์ใจเพื่ออัลลอฮ. จะได้รับการตอบแทนอย่างมากมาย เพราะ อัลลอฮ.จะเป็นผู้ตอบแทนให้มากยิ่งขึ้นตามความประสงค์ของพระองค์เอง จากที่พระค์ทรงกำหนดไว้ว่า ผู้ใดที่ถือศีลอดด้วยความบริสุทธิ์ใจเพื่อพระองค์เพียงหนึ่งวัน พระองค์จะทรงให้เขาห่างออกไปจากไฟนรกเป็นระยะถึงเจ็ดสิบฤดูกาล(ปี)ในการเดินทาง ซึ่งมันจะไกลมากจนไม่มีทางที่จะได้เห็นหรือรู้สึกได้ถึงความร้อนของไฟนรก นี่คือการตอบแทนขั้นต้นที่อัลลอฮ.ทรงเมตตาให้ แล้วถ้าเขาถือศีลอดด้วยความบริสุทธิ์ใจในทุกเดือนรอมฎอนตลอดชั่วชีวิตของเขา เขาจะได้รับการตอบแทนอย่างมากมายเพียงใด ก็คงไม่มีใครจะสามารถคิดคำนวนได้ แต่ที่ชัดเจนคือเขาจะห่างไกลจากไฟนรก และเขาจะได้เข้าสวนสวรรค์ผ่านประตูอัรรอยยาน(ประตูสวรรค์สำหรับผู้ถือศีลอด)อย่างแน่นอนที่สุด
ก็ฝากพี่น้องไว้ว่า ทุกการงานที่ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจเพื่ออัลลอฮ.นั้น เขาจะได้รับการตอบแทนที่มากมายจนคำนวนค่าไม่ได้ ขอแค่เพียงเรามีเจตนาจะทำเพื่ออัลลอฮ.เท่านั้น และอย่าลืมเป็นอันขาด เมื่อใดที่เราจะถือศีลอด อย่าลืมที่จะตั้งเจตนาว่าเราจะทำไปเพื่อให้พระองค์ทรงพึงพอพระทัยน่ะครับ อินชาอัลลอฮฺ